วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2012

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2012


เดือนสุดท้ายปลายปีแบบนี้ ใครมาเที่ยวเชียงราย ก็ต้องมาเที่ยวในเทศกาลที่สำคัญของทางจังหวัด เป็นที่รู้กันดีว่า เทศกาลข้ามปีที่เชียงรายนั้น เรียกว่า “เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม” ซึ่งจัดโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด เชียงราย ซึ่งครั้งที่ผ่านมานั้น จัดโดยหัวข้อ ฉลองสมโภช 750 ปีเมืองเชียงรายนั่นเอง


แต่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งคือ นายกอบจ.ผู้จัดคนเดิมคือ ท่านรัตนา จงสุทธนามณีซึ่งเป็นผู้นำในการจัดเทศกาลนี้ใน 8 ครั้งที่ผ่านมา เมื่อท่านหมดวาระ ก็มีการเลือกตั้งใหม่ ตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการเลือกตั้งและเปลี่ยนนายกอบจ. คนใหม่นั่นก็คือ ท่านนายกฯ สลักจฤฎดิ์ (สลักจิต) ติยะไพรัช ในปัจจุบัน ทำให้งานครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเลยทีเดียวครับ


งานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามครั้งนี้ ใช้หัวข้อที่สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมอาเซียน และจะมีการก้าวไปสู่สุดยอดประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ.2558 ทำให้งานนี้จึงใช้ชื่อว่า งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2012 นั่นเอง ซึ่งงานนี้ได้เริ่มจัดวันที่ 22 ธันวาคม 2555 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2556 ครับ


งานนี้จะแบ่งโซนการจัดงานออกเป็น โซนด้วยกัน (ดูตามแผนที่) ประกอบไปด้วย 1 สวนดอกไม้, 2 ตลาดน้ำอาเซียน, 3 งานจัดแสดงสินค้าทั่วไป, 4 งานจัดแสดงสินค้า OTOP ทั่วประเทศ และนิทรรศการจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับอาเซียน, สวนสนุก, หมู่บ้านชาวเขาและลานแสดงวัฒนธรรมอาเซียน 10 ประเทศ, และ 7 ศูนย์อาหารและเครื่องดื่มครับ

งานนี้ผมบอกได้เลยว่าคุ้มมากจริง ๆ เดินจนเหนื่อย แต่ผมก็เดินไม่ทั่วอยู่ดี คราวหลังผมคงต้องมาเก็บรายละเอียดอีกครับ ดังนั้น บทความนี้ผมจะเล่าถึงสิ่งที่ผมได้ไปสัมผัสในงานว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็จะเล่าคร่าว ๆ นะครับ


ในสวนดอกไม้มีการเปลี่ยนแปลงคือ มีการสร้างอาคารจำลองซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของแต่ละประเทศอาเซียนให้เห็นกันครับ และมีซุ้มดอกไม้จัดเป็นโลโก้ของอาเซียนอีกด้วยครับ เมื่อเดินไปถึงลานกล้วยไม้ ก็จะพบกับสวนสัตว์ขนาดเล็ก ซึ่งจะได้เห็น นกแก้ว นกกระเรียน นกเพนกวิ้น และสัตว์ที่หายากครับ จะว่าไปแล้วผมก็คิดถึงสวนสัตว์ที่บึงฉวาก ที่สุพรรณบุรีเลยล่ะครับ

        

ในเย็นวันนั้น ที่สวนดอกไม้กำลังจะทำพิธีเปิดงาน พร้อมกับขบวนบุพชาติกลางแม่น้ำกก ซึ่งเป็นการจัดเป็นครั้งแรกที่เอาขบวนดอกไม้มาจัดกลางแม่น้ำ ซึ่งผมไม่ได้ไปดูครับ



ถ้าออกจากสวนดอกไม้แล้ว ก็จะมีห้องหิมะจำลอง ซึ่งมีคนต่อแถวยาวเพื่อที่จะสัมผัสความหนาวของข้างใน ผมได้เข้าไปแล้ว ซึ่งเขาพยายามจะทำหิมะตกจำลอง ให้ได้หนาวเย็น และข้างในมีต้นคริสต์มาส ไว้สำหรับฉลองวันคริสต์มาสด้วยครับ


และตอนนั้นผมก็ได้ไปพบกับ ท่านนายกฯ สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช กำลังทำรายการเพื่อเชิญชวนชาวเชียงราย และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ เข้ามาที่งานเทศกาลครับ

เมื่อออกจากบ้านหิมะมาแล้ว เลี้ยวซ้ายเข้าไปจะเป็นโซนแสดงวัฒนธรรม ซึ่งจะมีบ้านชาวเขา และลานแสดงวัฒนธรรมอาเซียนครับ ตอนนั้นยังไม่ได้เริ่มการจัดแสดงอะไรทั้งสิ้น (ซึ่งเริ่มในตอนค่ำ) วันนี้ผมได้มาดูที่บ้านชาวเขาเต้นระบำให้เห็นด้วยล่ะครับ


จากนั้นผมก็เดินต่อไปอีก ก็พบกับสวนสนุกขนาดย่อมและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของทางอำเภอดอยหลวงครับ ที่ฟาร์มของดอยหลวง แกะ มีทั้งม้าแคระ ม้าลาย นกกระจอกเทศ และเต่าครับ…… แต่เต่าในวันนั้นทำเรื่องพิเรนทร์ขึ้นซะแล้ว (หัวเราะ)

 

  ที่สวนสนุกจะประกอบไปด้วย ชิงช้าสวรรค์ ที่ปีนเขา และมีที่ขี่วัวกระทิง และลานสเกตน้ำแข็งด้วยครับ ซึ่งค่าเข้าไปเล่น เครื่องละ 40 บาท ต้องซื้อบัตรก่อนนะครับถึงจะเล่นได้


ช่วงนั้นก็ค่ำแล้วครับ พอผ่านจากจุดนี้ไป ก็จะเจอนิทรรศการอาเซียนและขายสินค้า OTOP ทั่วประเทศ ซึ่งในนิทรรศการก็จะแสดงความรู้ของประเทศในกลุ่มอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศครับ




ในส่วนของ OTOP ก็จะมีสินค้า OTOP ของทั่วประเทศมาขาย และผมก็เดินไปหาของสุพรรณบุรี ก็มีจริง ๆ ครับ ผมดีใจที่ชาวศรีประจันต์และสามชุกแห่งเมืองสุพรรณบุรีเอากุนเชียงปลาสลิด ร้านลุงพงษ์ลงพุง มาขายที่งานอีกครั้งครับ มีแม่ค้าฟรีเซนเตอร์แสนสวยมายิ้มขายของให้กับลูกค้าด้วยครับ


และก่อนที่ผมจะออกจากงานนี้ไป ผมก็พบกับสินค้าใหม่ที่มาจากอำเภอเวียงชัย เป็นขนมข้าวยี่ห้อ Bite Me มาขายในโซนสินค้าทั่วไปด้วยครับใครเดินผ่านสนใจลองไปชิมนะครับ มีสามรสด้วยกันครับ



     ครับ สำหรับงานที่ผมไปเที่ยววันนี้ อาจจะผิดหวังเล็กน้อยในเรื่องสวนดอกไม้ เพราะดอกไม้อาจจะบานไม่เต็มที่ ถ้าใครมาช่วงปีใหม่ก็ลองมาดูกันว่าจะบานได้ขนาดไหน สำหรับผมแล้ว ผมวางแผนจะไปเที่ยวสุพรรณบุรีข้ามปี อยากจะไปดูดอกทิวลิปบานที่อำเภออู่ทองว่าเป็นอย่างไร สำหรับงานของเชียงรายนี้มีไปถึงวันที่ 6 มกราคมปีหน้านะครับ เดี๋ยวถ้าผมไปเที่ยวงานนี้อีกผมก็จะเอาส่วนที่เหลือมาเขียนต่อครับ


แกลอรี่ภาพทั้งหมดสามารถดูได้ที่นี่


วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ฟุตบอลนัดแห่งความประทับใจอีกครั้ง ที่ยูไนเต็ดสเตเดี้ยม


ตุลาคมนี้ เชียงรายเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้วนะครับ วันนี้ ผมได้ไปดูฟุตบอลนัดที่ผมประทับใจเป็นพิเศษครับ นัดที่ว่านี้จะเป็นนัดที่ไหนไม่ได้ เป็นนัดที่ กว่างโซ้งมหาภัยเชียงรายยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือน ทีมช้างศึกยุทธหัตถีสุพรรณบุรี FC นั่นเองครับ ผมดีใจที่เชียงรายกับสุพรรณบุรีได้มาเตะบอลด้วยกันอีกครับ นัดที่ว่านี้ ที่สองทีมมาเจอกัน เป็นนัด 8 ทีมสุดท้ายใน มูลนิธิไทยคม FA CUP นั่นเองครับ

ภาพจาก Facebook เชียงรายยูไนเต็ด (https://www.facebook.com/CRUTD)

ขณะที่ผมกำลังหางานทำที่เชียงรายอยู่ ผมก็ได้เห็นติดป้ายประกาศว่า เชียงราย จะได้เจอกับสุพรรณบุรี อีกครั้ง ในวันที่ 3 ตุลาคม 2555 ครับ หลังจากที่ผมดูนัดนี้เสร็จ ผมก็มาเขียนบล็อกนี้ตอนที่ผมกำลังดูรายการคนอวดผีครับ และก็มาเขียนต่ออีกสองวันครับ

เพราะผมเป็นบ่าวเชียงรายชอบเที่ยวสุพรรณฯ เมื่อมาเจอของคู่กันแบบนี้ มีหรือที่จะพลาด ผมก็จะต้องไปนัดที่สำคัญนัดนี้ให้ได้ครับ ผมจำได้ว่า วันเกิดนารุโตะ 10 ตุลาคม 2553 เชียงรายยูไนเต็ดกับสุพรรณบุรีได้เจอกันครั้งหนึ่ง ซึ่งนัดนั้นผมก็ไปดูด้วย และสวมชุดสามชุกไปดู ที่สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย นัดนั้น เชียงรายชนะ 4-0 ครับ และมีนัดเยือนของเชียงรายกับสุพรรณอีกนัดหนึ่ง ตอนนั้นผมไม่ทราบ และไม่ได้ไปครับ ผมได้หาข้อมูลเจอจากการวิเคราะห์บอลของ CRUTDTV ตอนนั้นเชียงรายบุกไปเสมอกับสุพรรณ 2-2 ครับ


เนื่องจากเชียงรายกับสุพรรณบุรีได้มาเตะกันอีกครั้ง ผมก็เลยไปดูด้วย นัดที่เชียงรายและสุพรรณบุรีได้มาเจอกัน ที่สนามยูไนเต็ดสเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสนามเหย้าของทีมเชียงรายยูไนเต็ดครับ สนามนี้ ตั้งอยู่ข้างท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งน่าจะอำนวยความสะดวกให้กับทีมเยือนที่เดินทางมาทางเครื่องบินได้ครับ

ขอย้อนอดีตไปซักหน่อยนะครับ กว่าที่ทีมกว่างโซ้งจะได้สนามส่วนตัวนี้ก็นานเหมือนกันครับ ตั้งแต่ตั้งทีมมาในปี 2552 สมัยนั้นยังไม่มีสนามเหย้า นอกจากเสียว่า เวลาเล่นที่บ้านก็ใช้สนามกีฬากลางในการเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมต่างๆ จนกระทั่ง สนามกีฬากลางปิดปรับปรุง ทีมกว่างโซ้งก็ต้องใช้สนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แต่เนื่องจาก การนำเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปเชียร์สนาม และการตะโกนโหวกเหวกของทีมเชียร์ เป็นเหตุให้ทางมหาลัยฯ ไม่สามารถให้การอนุญาตใช้สนาม เพื่อตัดปัญหาในส่วนของความรำคาญของนักศึกษาหอในครับ จนมีนัดเยือนหนึ่งที่เกิดความสูญเสียช็อกวงการ ที่รถบัสทีมเชียร์พลิกคว่ำเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้มีกระแสทางอินเตอร์เน็ตที่เข้าใจผิดว่า ทาง ม.ไม่ให้ใช้เป็นทีมเหย้า และต้องใช้สนามไกลๆ ซึ่งการเข้าใจผิดครั้งนี้คือการเอาเรื่องทีมเหย้ากับทีมเยือนมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน จนและดราม่ากันไปมา จนเรื่องนี้ไปโพล่ที่เวปดราม่า ไปอ่านศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เวปดราม่านะครับ เป็นเหตุการณ์ที่ผมสงสารทีมเชียงรายมากครับ หลังจากเหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านมา เมื่อทีมเชียงรายเป็นทีมเหย้า ก็ใช้สนามของเชียงใหม่ไปก่อนครับ

ถือว่า ทีมกว่างโซ้งมหาภัย ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเจ็บปวดมานาน และบัดนี้ ทีมเชียงรายยูไนเต็ด ก็ได้มีสนามยูไนเต็ดสเตเดี้ยม ใช้เป็นทีมเหย้าของตัวเอง กว่าจะผ่านมาได้ ผมก็รู้สึกประทับใจกับทีมฟุตบอลนี้เป็นอย่างมากครับ กว่าจะผ่านมาได้ ก็หลากหลายเรื่องราวครับ ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ แต่ผมก็เห็นว่า การที่เชียงรายมีทีมฟุตบอลเก่งๆ แบบนี้ ทำให้เชียงรายมีอะไรดีๆ มากมายครับ



เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ เมื่อนัดที่เชียงรายและสุพรรณบุรีมาเจอกันอีกครั้ง ผมไปชมแน่นอนครับ และนัดนี้ก็คือนัด ไทยคม FA CUP ซึ่งเชียงรายกับสุพรรณบุรีจะมาตัดเชือกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยเชียงรายเปิดบ้านรับการมาเยือนของสุพรรณบุรีนั่นเองครับ และถือว่า เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาดูฟุตบอลที่สนามเหย้าของเชียงรายครับ สำหรับผมแล้วในใจผมนั้นพยายามจะเชียร์ทั้งสองฝ่ายครับ (เพราะสุพรรณบุรีเดินทางมาไกลด้วยครับ) แต่ถึงยังไงก็ต้องไปเชียร์ฝั่งเชียงราย เพราะผมจะต้องทำตัวให้เหมือนกับกองเชียร์เชียงรายด้วยกันครับ นอกจากที่ผมสวมเสื้อเชียร์สีส้มแล้ว ผมสวมหมวกบึงฉวากไป ด้วยครับ ต่อไปนี้มีเหตุการณ์อะไรกันบ้าง ผมจะเล่าแบบคร่าวๆ ให้ฟังครับ



ครึ่งแรก เป็นช่วงที่สูสีกันพอสมควรครับ พอเป็นทีของเชียงราย ก็เป็นของเชียงราย พอเป็นทีของสุพรรณฯ ก็เป็นของสุพรรณฯ ครึ่งแรกเชียงรายเป็นฝ่ายที่มีโอกาสยิงได้หลายครั้ง จนนาทีที่ 30 เชียงรายขึ้นนำสุพรรณบุรี 1-0 และหลังจากนั้น สุพรรณบุรีก็ทำเกมรุกให้หนักขึ้น สุพรรณบุรีครองบอลได้มากขึ้น มีโอกาสได้ประตูมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ จบครึ่งแรกเชียงรายนำสุพรรณบุรี 1-0 ครับ



ครึ่งหลัง ผมได้ชมแสงจันทร์สวยงาม ขณะที่เสียงเชียร์เต็มสนาม สุพรรณบุรี ทำเกมรุกได้อย่างต่อเนื่อง และครองบอลได้มากขึ้น ประกอบเชียงรายเผลอทำฟาล์ว ในนาทีที่ 74 สุพรรณบุรีตีเสมอเชียงรายได้ 1-1 ครับ ทำให้เชียงรายพยายามโหมบุกหนักมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถต้านสุพรรณบุรีได้ หมดเวลา ทำให้เสมอกันที่ 1-1 แต่เนื่องจากนัดนี้เป็นรอบตัดเชือก จึงจำเป็นที่จะต้องหาผู้ชนะ เพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ทำให้ต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

ผมรู้สึกเหนื่อยและอยากกลับบ้านทันที เพราะเมื่อได้ยินว่าต่อเวลาอีก 30 นาที โดยปกติแล้ว เวลาแบบนี้ ผมต้องอยู่ที่บ้านและไม่ออกไปไหนตอนดึกๆ ครับ แต่ถึงอย่างไร ไหนๆ ก็มาเชียร์แล้ว ผมจึง พยายามอยู่ในสนามเพื่อเชียร์บอลต่อไปครับ ก่อนเริ่มเกม ก็เห็นอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของนักฟุตบอลและทีมเชียร์ฟุตบอลอย่างเห็นได้ชัดครับ



15 นาทีพิเศษแรก มีการเอาตัวสำรองมาใช้ ในขณะที่ตัวหลักๆ มีอาการเหนื่อย และหลังจากที่แข่งกันไปไม่กี่นาที เชียงรายขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 ครับ ทำให้กองเชียร์ทีมเชียงรายมีแรงฮึกเหิมอีกครั้ง แต่รู้สึกว่าเหมือนว่าจะกินกันไม่ลง ผลัดกันรุกผลัดกันรับ เมื่อหมด 15 นาทีแรก เชียงรายนำ 2-1 ครับ

และ 15 นาทีสุดท้าย ดูเหมือนว่า สุพรรณบุรีพยายามใช้แรงที่เหลืออยู่โหมบุกหนัก แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ จนสองนาทีสุดท้าย เชียงรายเตะเข้าประตู แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า และช่วงท้ายสุดของเกม เชียงรายยิงเข้าประตูชัยให้เชียงรายนำเป็น 3-1 ในช่วงท้ายสุด

จบเกม เชียงรายยูไนเต็ด ชนะ สุพรรณบุรี FC ด้วยคะแนน 3-1 ครับ เชียงรายผ่านเข้าไปเตะรอบรองชนะเลิศกับทีมทหารอาร์มมี่ยูไนเต็ด ที่สนามศุภชลาศัย (สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพฯ) ครับ



ครับ เมื่อจบเกม ก็ต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ก่อนที่ผมจะลงจากสนามเพื่อกลับบ้าน ท่ามกลางความดีใจของทีมเชียร์เชียงรายที่ได้รับชัยชนะ ก็มีการเชียร์ทีมสุพรรณให้เพื่อเป็นการปลอบใจด้วยครับ หลังจากนั้นผมกลับบ้าน เพื่อไปติดตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ผมนั่งดูรายการคนอวดผีไป และดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ตครับ เพราะทีมเชียร์ไม่ได้อยู่แค่ในสนาม บางคนก็ดูผ่านทีวีเคเบิ้ลบ้าง หรือไม่ก็ดูการรายงานทางอินเตอร์เน็ตครับ

ทีมเชียร์ฝั่งเชียงรายนั้น มีการวิจารณ์อยู่สองเรื่องใหญ่ๆ คือ เรื่องที่เชียงรายถูกสุพรรณฯตีเสมอในครึ่งหลัง ทำให้แฟนบอลเริ่มซึมและคอตกไปตามๆ กัน และในสนามนั้น ทีมเชียร์เตือนว่า ให้นักเตะยิงไกล เพราะลูกเตะที่สุพรรณฯยิงเข้านั้นเป็นลูกยิงไกล 40 กว่าหลาครับ สิ่งนี้ก็เลยสร้างความกดดันให้กับทีมฟุตบอลกับทีมเชียร์ชาวเชียงรายครับ แต่ก็กลับมาเฮเมื่อเชียงรายขึ้นนำ 2-1 และการแต่เข้ายิงที่เป็น ลูกล้ำหน้านั้น ทำให้เสียดายไปตามๆ กัน ก่อนที่เชียงรายจะชนะ 3-1 แฟนบอลแสดงความเสียดายในเรื่องลูกล้ำหน้าว่า ถ้าไม่ล้ำหน้าเชียงรายจะได้ 4-1 แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ชาวเชียงรายหลายๆ คนดีใจเป็นอย่างมากที่ทีมกว่างโซ้งชนะครับ และบางคนก็จะเตรียมตัวลง กทม ไปตามเชียร์รอบรองฯครับ

ส่วนฝั่งสุพรรณบุรีนั้น แฟนบอลทราบกันดีว่า ตัวนักกีฬาส่วนใหญ่ที่ไปเยือนเชียงรายนั้นไม่ใช่ตัวหลัก เพราะตัวหลักๆ จะเก็บไว้เล่นกันนัดสำคัญๆ และยิ่งไปกว่านั้น ทีมฟุตบอลสุพรรณบุรี เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ เสียแรงเสียเวลาเดินทางไกลครับ ในใจผมคิดเลยว่า สุพรรณบุรีท่าทางจะลำบากมาก จะต้องเดินทางไกลไปทั่วประเทศครับ ผมจับใจความในสิ่งแฟนบอลก็ได้วิจารณ์ได้ว่า พอขึ้นมาเชียงราย ก็มีแต่นักเตะเท่านั้น โดยไม่มีโค้ชและตัวสำรองมาด้วยครับ และที่สุพรรณบุรีแพ้นั้น แพ้ไว้ก่อน เพราะนัดหน้าอาจเจอหนักกว่านี้ ที่สำคัญ ตัวหลักๆ ของทีมสุพรรณบุรีมีเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือ การขึ้นไปเตะในไทยหลีกครับ

สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า ทั้งสองทีมเล่นได้อย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าสุพรรณบุรีเป็นฝ่ายได้เปรียบ และครองบอลได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ตัวหลัก ยังเล่นได้เก่งขนาดนี้ ถือว่าสุดยอดครับ ส่วนทีมเชียงรายเล่น ได้ดีไม่แพ้กันครับ เป็นกว่างโซ้งมหาภัยที่ครองใจชาวเชียงรายทุกคนครับ ซึ่งผมอาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลนัก แต่นัดนี้ เป็นนัดที่สำคัญสำหรับผม ผมก็เลยไปดูถึงสนามครับ ไม่ว่าเกมจะสนุกแค่ไหน ผมว่า เป็นนัดแห่งความทรงจำที่ดีสำหรับผมครับ เพราะผมตั้งใจว่าจะติดตามมาดูบอลเมื่อเชียงรายกับสุพรรณบุรีได้มาเจอกันครับ

สำหรับทีมเชียงรายยูไนเต็ดนะครับ ขอแสดงความยินดีที่ชนะสุพรรณบุรีในครั้งนี้ นัดหน้าเจอกับอาร์มมี่ยูไนเต็ด ขอให้เชียงรายเอาชนะทีมทหารนี้ให้ได้ เพื่อไปชิงถ้วยไทยคม FA CUP ครับ และถ้าเดินทางไปกรุงเทพ นักเตะและกองเชียร์เดินทางไปและกลับโดยสวัสดิภาพ และคว้าชัยชนะมาให้ได้ครับ สำหรับไทยหลีกนั้น ขอให้เชียงรายทำให้ดีที่สุด เพื่อขึ้นเป็นอันต้นๆ ของไทยหลีกให้ได้ครับ และขอให้อยู่ในไทยหลีกให้นานๆ จนเป็นอันดับที่หนึ่งของไทยหลีกให้ได้นะครับ สำหรับแฟนบอลนะครับ ผมก็ขอสนับสนุนให้ตามไปเชียร์ในนัดเยือนให้เยอะๆ นะครับ เพื่อสร้างกำลังใจให้กับทีมในตอนเป็นทีมเยือนครับ และสุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กว่างโซ้งมหาภัย เชียงรายยูไนเต็ด สร้างผลงานการเล่นดีๆ เป็นส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดเชียงรายต่อไปครับ

สำหรับทีมสุพรรณบุรี FC นะครับ ก็แสดงความเสียใจที่แพ้เชียงรายครับ เกมล้วนมีแพ้ชนะ และผมก็เข้าใจด้วยว่าสุพรรณบุรีช่วงนี้นัดเยือนเยอะ ทำให้เสียแรงจากการเดินทางไปมาด้วยครับ สุพรรณบุรีทำดีที่สุดแล้วครับ เพราะที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าสุพรรณบุรีมีโอกาสจะได้ประตูหลายครั้ง และครองบอลได้เยอะกว่าเชียงราย ผมรู้สึกว่าทีมสุพรรณเล่นได้เก่งมากครับ ผมเข้าใจในความรู้สึกของ ทุกคนครับ ถึงแม้จะพลาดถ้วยนี้ไป แต่ผมก็เอาใจช่วยให้สุพรรณขึ้นไทยหลีก แล้วมาเจอกับเชียงรายด้วยกันครับ ถ้าหากเชียงรายมาเยือนสุพรรณเมื่อไหร่ ผมอาจจะไปครับ



สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณนักเตะและกองเชียร์ชาวสุพรรณบุรี ที่สละเวลามาเล่นและมาเชียร์ทีมตัวเองที่เชียงราย เป็นนัดที่ผมสนุกมากทั้งสองทีมครับ และเป็นนัดแห่งความทรงจำของผมจริงๆ ครับ ผมรู้สึกว่า อยากให้สุพรรณตามมาเชียร์กันเยอะๆ ครับ ขอให้สุพรรณบุรี มีฝีมือที่เก่งขึ้น และสามารถขึ้นไทยหลีกให้ได้นะครับ และถ้าโชคดีอาจจะได้มาเตะกับเชียงรายด้วยกันในไทยก็ได้ครับ

ถ้าหากเชียงรายไปเยือนสุพรรณบุรีล่ะก็ ช่วยมาบอกผมด้วยนะครับ ผมจะพยายามสละเวลาตามไปเชียร์เชียงรายที่สุพรรณบุรีด้วยเช่นกันครับ สำหรับบล็อคตอนนี้ก็ยาวพอสมควร เจอกันใหม่คราวหน้า สวัสดีครับ ^^

ข่าวสารเพิ่มเติม
เชียงรายลุ้นเหนื่อย ต่อเวลาชนะสุพรรณบุรี 3-1
สุพรรณบุรีบุกพ่ายกว่างโซ้ง 1-3 ตกรอบไทยคมเอฟเอ
[FA CUP] Chaingrai United 3-1 Suphanburi FC (AET)
  



วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

จิตอาสาของชาวเชียง(ออน)ราย

ปี 2555 ปีนี้ทางพุทธศาสนาถือเป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปีอีกด้วยครับ และนั่นทำให้ผมตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะทำงานอะไรซักอย่างที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดครับ

ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ชาวเชียงรายที่อยู่บนโลกไซเบอร์ได้มีการวางแผนไปรวมตัวช่วยกันเก็บขยะที่ใต้สะพานขัวพญามังราย ซึ่งเป็นชาวเวปไซด์ "เชียงรายโฟกัส" ดอทคอม ได้มีการตั้งกระทู้รวมตัวกันไปเก็บขยะและทำความสะอาดใต้สะพานกันครับ

สำหรับชาวต่างจังหวัดที่ยังไม่รู้จักเวปไซด์นี้ผมจะแนะนำคร่าว ๆ ก่อนว่า เวปไซด์เชียงรายโฟกัส (www.chiangraifocus.comเป็นเวปไซด์สังคมออนไลน์ของชาวจังหวัดเชียงราย มีข่าวสารต่าง ๆ ภายในจังหวัดให้คนบนเวปได้มาเปิดอ่านดู และมีเวปบอร์ดให้ชาวเชียงรายและชาวต่างจังหวัดบางส่วนได้มาพูดคุยปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ กันครับ

และผมก็เป็น user ในเวปบอร์ดของที่นี่โดย หลังจากที่ผมได้ดูข่าวสารต่าง ๆ ภายในจังหวัด ก็มีคนในเวปบอร์ดได้มาโพสชักชวนไปช่วยกันเก็บขยะใต้สะพานขัวพญามังรายกัน และได้บอกว่าให้เอาอะไรเตรียมไปบ้าง หลังจากโพสนี้ ก็มีชาวเชียง(ออน)ราย ก็ได้ตกลงที่จะไปร่วมเก็บขยะและทำความสะอาดกันครับ และหลังจากที่ผมได้ดูบอร์ดนี้มาหลายวัน ผมตัดสินใจว่าไปร่วมด้วยแน่นอน จะได้พบปะกับเพื่อน ๆ ชาวเวปบอร์ดที่นั่นด้วยครับ (ขอบคุณ mod ต้อมและนายปวดตับที่ให้ผมได้อนุญาติใช้รูปในการเผยแพร่ครับ)




อาสาสมัครจากเวปบอร์ด ได้นัดกันไปเก็บกวาดและทำความสะอาดในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน เริ่มเก็บบ่ายสามโมงครับ แต่ละครได้เตรียมอุปกรณ์ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้กวาด ไม้กวาดทางมะพร้าว ถุงดำ ถุงปุ๋ย ที่คีบถ่าน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการเก็บถังขยะครับ ซึ่งผมก็เอาถุงดำกับที่คีบถ่านไปด้วยครับ กลุ่มอาสาสมัครได้รวมตัวในโครงการชื่อว่า "โครงการ อะไรอยู่ใต้สะพาน" ครับ โครงการนี้ ผู้เริ่มคิดคื่อพี่หนุ่มฮอตเมลล์ ทำให้แอดมินบอร์ดสนับสนุน และสมาชิกทุกคนจึงอาสาเพื่อที่จะไปช่วยเหลือด้วยกันครับผม




ก่อนที่จะไปดูกิจกรรมอาสาสมัคร ผมขอพูดเรื่องของสะพานขัวพญามังรายก่อนนะครับ สำหรับสะพานแห่งนี้ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำกกที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาครับ ซึ่งเป็นสะพานของถนนกลางเวียง ไว้เพิ่มความสะดวกในการเดินทางครับ เส้นทางจะเริ่มจากสีแยกตำรวจ ข้ามแม่น้ำกกไปทางทิศเหนือไปบรรจบกับถนนพหลโยธินครับ หลังจากที่สะพานแห่งนี้ได้เปิดใช้มาแล้ว นอกจากจะให้รถข้ามแล้ว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนของกลุ่มวัยรุ่นด้วยครับ และต่อมา ก็มีปัญหาในด้านความสะอาด พอตกกลางคืน ก็มีพวกวัยรุ่นใช้เป็นแหล่งมั่วสุม ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และทิ้งขยะเรี่ยราด ตามบันไดใต้สะพาน และปาขวดเหล้าไปยังเสาและตอหม้อของสะพาน และมีการขีดเขียนคำหยาบต่าง ๆ บนเสาสะพานครับ 







ที่หนักไปกว่านั้น  ตรงบริเวณใต้บันไดทางขึ้น มีการปล่อยของเสียไว้ตรงนั้นด้วย (อี๋!...ขยะแขยง!!)  อีกอย่างหนึ่ง เศษแก้วต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณเสาและตอหม้อสะพาน ผม ได้ข้อมูลมาว่า กลุ่มมั่วสุมมักจะเล่นแข่งปาขวดไกลกัน ก็เลยทำให้มีเศษแก้วเศษขวดเกลื่อนกลาดอยู่บริเวณนั้นนั่นเองครับ

ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตอาสาแห่งเวปบอร์ดเชียงรายโฟกัส ได้มีการนัดและไปรวมตัวขึ้นเพื่อทำความสะอาด เก็บกวาดขยะและเศษแก้ว ก่อนอื่นทุกคนได้มาลงทะเบียนและถ่ายรูปหมู่กันก่อนครับ  (รูปด้านบนสุดครับ)



จากนั้น ทุกคนก็ลุยทำความสะอาดกันเต็มที่ ช่วยกันออกแรงคนละไม้คนละมือ เก็บกวาดสิ่งของตามบันไดใต้สะพานกันอย่างเต็มที่ แต่ผมดันไปเก็บ ตรงบันไดทางเดินสะพานเสียก่อนเหมือนออกจากกลุ่มไปซะงั้น แต่ผมไม่ได้คิดอะไรมาก ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดครับ 









จากจุดที่ผมเก็บนั้น ก็ สกปรกมมากครับ แถมที่ผ่านมาฝนก็ตก ทำให้พื้่นที่แฉะด้วยครับ และผมก็ค่อย ๆ เก็บขยะแถวตามบันได และทางเดินข้างสะพาน และผมก็ได้ถ่ายรูป วิวสวย ๆ ของสะพานให้ดูด้วยครับ ช่วงนี้นามนองเต็มตลิ่งดูสมบูรณ์มากครับ



เหนื่อยแค่ไหนเราไม่หวั่น ผมก็เก็บขยะตรงทางเดินสะพานทั้งสองฝั่งครับ ชาวเชียงรายโฟกัสทุกคนก็ช่วยกันเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่สง และเห็นที่หนักที่ สุดคือ ผู้กล้าของเราบางส่วนได้มีการว่ายน้ำข้ามฝั่ง ไปเก็บกวาดเศษขยะตรงเสาของสะพาน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 เสาด้วยกันครับ พวกเขาลำบากทที่ ว่ายน้ำข้ามฝั่ง ทำให้มีคนเรือใจดี ให้ยืมเรือเพื่อนำช่วยข้ามไปทำความสะอาดตรงเสาใต้สะพานครับ






หลังจากที่เก็บกวาดเสร็จไปฝั่งหนึ่ง ก็ข้ามไปเก็บกวาดกันต่อกับอีกฝั่ง และได้มีการทาสีลบคำหยาบบนเสาด้วยครับ และบางส่วนก็ได้ตามไปเก็บ กวาดที่ทางเดินสะพานซ้ำอีกทีหลังจากที่ผมไปเก็บกวาดมาแล้วรอบหนึ่งครับ








และในที่สุด บริเวณใต้สะพานขัวพญามังรายก็กลับมาสวยสะอาดตาอีกครั้งหนึ่งครับ เป็นผลงานของอาสาสมัครที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งครับ ใสปิ๊ง กันเลยทีเดียว








ตัวผมเองก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นอาสาสมัครร่วมช่วยเหลือในการทำความสะอาดครั้งนี้ แต่อาจจะไปผิดที่ผิดทางหน่อยก็เลยรู้สึกว่าเหมือนปิดทองหลังพระ เลยนะครับ และอีกสิ่งที่ผมภูมิใจคือ การที่ช่วยเหลือบ้านเกิดเมืองนอนเนื่องในโอกาสที่เชียงรายครบรอบ 750 ปีครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจสูงสุดที่ได้ ช่วยเหลือบ้านเกิดของตัวเองครับ และเหตุการณ์นี้ได้ออกข่าวรายการ "ตู้ ปณ.ข่าว 3" ช่วงท้ายรายการอีกด้วยครับ




ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่กระทู้เชียงรายโฟกัส ที่นี่ครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=295870.0

และต้องขอบคุณเชียงรายโฟกัส ที่ทำให้พวกเราได้พบปะกันอย่างสะดวก และเกิดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ครับผม และขอบคุณสมาชิกที่อนุญาติให้ผมใช้รูปภาพในการประกอบบทความครั้งนี้ด้วยครับ  จากเวปเชียงรายออนไลน์เวปนี้ ผมอยากเห็นเวปบอร์ดที่ชาวสุพรรณบุรีเข้าไปแลกเปลี่ยนข่าวสารเหมือนแบบนี้จังเลยครับ ผมพยายามหาหลายครั้งแล้วผมไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหน   




ชาวสุพรรณบุรีคนไหนรู้จักเวปบอร์ดออนไลน์ที่ชาวสุพรรณบุรีเข้าไปบ่อย ๆ ช่วยแนะนำผมมาด้วยนะครับ เพราะผมสนใจในจังหวัดสุพรรณบุรีมาก ๆ ครับ


วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปลูกต้นไม้ในใจคน โดยท่าน ว.วชิรเมธี

วันแม่ปีนี้หลาย ๆ คนไปกราบแม่ และหน่วยงานต่าง ๆ ก็จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกันทั่วประเทศครับ บล็อกนี้ถูกเขียนอย่างเริ่งด่วนขณะที่กำลังมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรฯ ครับ วันแม่ปีนี้ จังหวัดเชียงรายมีการแสดงธรรมเทศนาของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (หรือท่าน ว วชิรเมธี) เกี่ยวกับเรื่อง ปลูกต้นไม้ในใจคน ที่ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซ่าเชียงรายครับ




เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องการเทศธรรมของท่าน ว ขึ้นมาก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาครับ งานนี้จัดโดยสโมสร LIONS เป็นสโมสรอนุรักษ์และเพาะพันธุ์ป่าไม้ ได้จัดงานร่วมกับโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน โดยจะเอาต้นยางนามาให้ฟรีกับผู้ฟังธรรมของท่าน ว ด้วยครับ

หลังจากที่พระ ว.วชิรเมธีได้เข้ามายังเซ็นทรัล เพื่อมาเทศนาธรรมเรื่อง "ปลูกต้นไม้ในใจคน" เนื้อหาที่ท่านได้เทศนั้น สรุปอยู่สองเรื่องใหญ่ ๆ คือ

เรื่องที่ 1 เรื่องการเคารพสิ่งแวดล้อม ท่าน ว.ได้กล่าวไว้ว่า คนเราเกิดและเติบโตมากับน้ำ ดิน และป่าไม้ และสอนว่า เรากินอยู่กับน้ำ ให้เคารพน้ำ กินอยู่กับป่าให้เคารพป่า ถ้าเราเคารพสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมจะเคารพเรา เพราะทุกวันนี้ มีการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดโลกร้อน และน้ำท่วม ท่าน ว ได้พูดถึงจังหวัดน่านที่ถูกน้ำท่วม ท่านได้ไปพื้นที่เกิดเหตุ ปรากฎว่าภูเขาในจังหวัดน่านเป็นเขาหัวโล้น เพราะต้นไม้ถูกตัดไปเกือบหมด และผลจากการที่ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองครับ สรุปหัวข้อนี้คือ เราควรจะรักษาหวงแหนและอนุรักษ์ธรรมชาติ ธรรมชาติจะได้อยู่กับเราและรุ่นหลัง ๆ ต่อไปครับ

เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับวันแม่ครับ ท่าน ว.ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าอยากจะทำอะไรให้แม่ ให้รีบทำก่อนที่แม่จะไม่ได้อยู่กับเรา โดยให้คติ 3 ท คือ "ททท ทำทันที" โดยท่าน ว.กล่าวว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้านั้น ได้ยอมรับข้อตกลงว่า ถ้าให้ประสูติการบุตรแล้ว ให้ย้ายไปอยู่สวรรค์หลังจาก 7 วัน และเรื่องส่วนตัวของท่าน ว ท่านบอกว่า ตอนที่แม่ของท่านป่วยหนัก ท่านฝันร้านทุกคืน และตอนนั้น ท่านกำลังจะมีสอบ แม่ท่าน ว บอกกับพี่สาวว่า อย่าบอกเรื่องอาการเจ็บป่วยของแม่ให้ท่าน ว ฟัง เดี๋ยวท่าน ว จะกังวล และหลังจากนั้น แม่ของท่าน ว ก็ถึงแก่กรรม ท่าน ว พึ่งมารู้ตอนสอบเสร็จ และก็ได้ทรายถึงเจตนาที่แม่ไม่ให้บอกท่าน ว ครับ

ในส่วนนี้ท่านบอกว่า แม่เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อให้ลูกประสบความสำเร็จ จากนั้นท่านให้เรามองย้อนกลับไปว่า ตัวเราควรจะรีบเลี้ยงดูตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ก่อนที่พ่อแม่จะล่วงลับจากเราไปครับ ท่านก็ยกตัวอย่างว่า ครอบครัวหนึ่งจะซื้อรถให้พ่อ แต่ไม่มีเงินเลยไม่กล้าเพราะรถมันแพง แต่ต่อมาพ่อมาด่วนจากเสียชีวิตก่อน พวกเขาจึงรีบซื้อรถไปถวายให้พ่อที่วัด หลังจากเสร็จพิธีงานศพพ่อ ก็มาบูชาขอรถคืนโดยให้พี่สาวใช้....

เรื่องนี้ขอสรุปแว่....... สรุปว่า!!!! (เล่นมุขพระมหาสมปองนิดหนึ่ง)
ใครที่ยังมีพ่อแม่อยู่ควรจะแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ ในขณะที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าอยากจะทำอะไรให้พ่อแม่ ให้จำสามท. "ททท ทำทันที" ครับ



ผมขอจบบล็อกไว้ก่อน อย่าลืมติดตามรูปบนแฟนเพจของผมนะครับ และเรื่องนี้ผมยังไม่ปิดเรื่อง เดี๋ยวผมจะเอาไฮไลท์ของงานมาเขียนต่อครับ

สุขสันต์วันแม่ อย่าลืมบอกรักแม่นะครับ และขอให้พระราชินีทรงพระเจริญเป็นมิ่งขวัญต่อปวงชนชาวไทยตลอดไปครับ