รู้มั้ย... อบจ.เชียงรายมีอะไรน่าสนใจบ้าง
วันนี้เราไปชมอะไรบางอย่างบริเวณองค์การส่วนบริหารจังเชียงรายกันดีกว่าครับ เกริ่นแค่นี้แล้วผมเริ่มที่ "หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี"
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ทราบข่าวพิธีเปิด หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี ซึ่งเป็นพิพิธภันฑ์ที่เล่าประวัติของเมืองเชียงรายได้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น หอนี้ เปิดขึ้นในโอกาสที่เมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปีนั่นเองครับ รูปที่ถ่ายนี้เป็นด้านหน้าของหอครับ
สถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่ถนนอุตรกิจ ด้านหลังศาลากลางเก่า ตรงข้ามกับโรงเรียนอนุบาลเชียงราย ซึ่งใกล้กับ หอนาฬิกาเก่าและตลาดเทศบาล 1 ครับ
หอที่นี่เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องถอดรองเท้าเข้าไป และห้ามถ่ายภาพครับ ภายในสถานที่จะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ล้านนา ซึ่งยุคของเชียงรายนั้น เชียงรายถือเป็นยุคปฐมล้านนาครับ ภายในหอนี้มีอยู่ทั้งหมด 8 โซน แต่ละโซนนั้นจะเล่าเรื่องการก่อสร้างเมืองเชียงราย ซึ่งสถาปณาโดยท่านพญามังรายมหาราช และเข้าสู่ยุคต่าง ๆ จนถึงถูกพม่ายึดไป 200 ปี แล้วถูกกู้กลับรวมเข้าเป็นจังหวัดในประเทศไทยครับ ซึ่งจะมีสื่อประสมต่าง ๆ เล่าเรื่องให้ทันสมัยขึ้นครับ
ถ้าชมมาถึงโซนที่สาม ก็จะเป็นโซนเทียเตอร์ ถ้าหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมถึง 10 คนขึ้นไป ทางเจ้าหน้าที่จะเปิดแสดงภาพประวัติของการสร้างเมืองเชียงรายนั่นเองครับ เมื่อจบโซนสาม ก็จะมีการจัดแสดงรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครับ และมีรูปปั้นพญามังรายฯแบบสีสันสดใส สวยและงดงามอย่างมากครับ
หลังจากที่ชื่นชมประวัติศาสตร์ของเชียงรายแล้ว ก็จะมีรายละเอียดของอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงรายทั้งหมด 18 อำเภอ และวัดต่าง ๆ ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงรายครับ เมื่อจบโซนที่เจ็ดแล้ว โซนแปดเป็นห้องสมุด ซึ่งอยู่ชั้นบนครับ
หอประวัตินี้ ใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าได้ชมเทียเตอร์ก็จะเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งที่นั้นผมไม่ได้ดูครับ เพราะจำนวนคนไม่ถึง และถ้าใครมาที่จังหวัดเชียงราย ก็มาลองเข้าชมหอประวัติที่เล่าเรื่องของประวัติเมืองเชียงรายได้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นครับ เพราะที่นี่ห้ามถ่ายรูป ข้างในเป็นอย่างไร แวะไปดูเองนะครับ
แอบขอเจ้าหน้าที่ถ่ายรูปตัวเองหน้าหอประวัติฯ เพื่อจารึกลงบล็อกตัวเอง (หัวเราะ) สังเกตด้านหลังของผมนะครับ ด้านขวาของผมคือ โรงเรียนอนุบาลเชียงราย และวัดที่อยู่ด้านหลังคือ "วัดกลางเวียง" หนึ่งในเส้นทาง 9 วัดเมืองเชียงรายครับ เป็นวัดที่มีศาลหลักเมืองอยู่ในวัดครับ ถ้าพูดถึงเสาสะดือเมืองจะเป็นวัดดอยงำเมืองครับ
ถ่ายรูปตัวเองเสร็จ ผมจึงเดินไปด้านหลัง ซึ่งเป็นศาลากลางเก่า ด้านหน้านี้มีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 อยู่ครับ ตอนนี้ศาลากลางเก่า ได้ปรับปรุงเป็น "หอวัฒนธรรมนิทัศน์" ซึ่งเป็นห้องจัดนิทรรศกาลไว้อยู่ แต่ตอนนี้ปิดปรับปรุงอยู่ครับ
ด้านขวาของศาลากลางเก่า มีห้องสมุดรถไฟเชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟเชียงราย เพราะจังหวัดเชียงรายยังไม่มีรถไฟใช้ครับ ในตอนนี้จังหวัดเชียงรายเรามีห้องสมุดรถไฟดังกล่าวครับ ภายในโบกี้รถไฟนั้น เป็นห้องสมุดครับ ห้องสมุดรถไฟเปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 9 นาฬิกา ถึง 18 นาฬิกา ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเป็นเวลา 10 นาฬิกาถึง 19 นาฬิกาครับ
ถ้าหากเชียงรายมีรถไฟใช้ ก็จะแยกเส้นทางจากอุตรดิตถ์ ผ่านเด่นชัย (จังหวัดแพร่) ผ่านงาว (จังหวัดลำปาง) ผ่านจังหวัดพะเยาและเข้ามาที่จังหวัดเชียงรายครับ
ก่อนจบบทความนี้ผมมีแหล่งที่มาของการเปิดหอประวัติเชียงราย และโครงการรถไฟเชียงรายมาให้ดูกันด้วยครับ
หอประวัติเชียงราย 750 ปี
-อบจ.เชียงราย เปิดหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปีและเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ (เชียงรายโฟกัส)
- อบจ.เปิดหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี (นสพ เชียงรายธุรกิจ)
โครงการรถไฟเชียงราย
- +++กระทู้ติดตามรถไฟเชียงราย ครับ.+++ (เวบบอร์ดเชียงรายโฟกัส)
- คืบหน้ารถไฟสายเด่นชัย-พะเยา-เชียงราย (พะเยารัฐ)
เรื่องราวของเชียงรายและสุพรรณบุรีนั้น ผมยังคงค้นหามาเรี่อย ๆ อย่าลืมติดตามบล็อกของผมในบทความต่อไปนะครับ
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555
สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนพิเศษ: ศรัทธาโครงการใหญ่)
นี่คือเที่ยวสุพรรณบุรีแห่งความหลังตอนพิเศษครับ หลังจากที่ผมไปเยี่ยมมังกรป่วยแล้ว ผมไปวัดป่าเลไลยก์เพื่อไปไหว้หลวงพ่อโตเสร็จ ก็มีงานหนึ่งครับ เป็นงานหล่อมือเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกครับ
ผมทราบว่า ในงานนี้จะมีพิธีหล่อมือเจ้าแม่กวนอิมในตอนเย็น โดยท่าน พณฯ บรรหารจะมาเป็นประธานในพิธีครับ
สำหรับงานดังกล่าวนั้น เป็นโครงการสร้างรูปเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 84 เมตร ซึ่งจะประดิษฐสถานที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งจัดโดยมูลนิธี Miracle of Life ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และสมาคมวัฒนธรรมวิธีพุทธไทย-จีน โครงการนี้ เริ่มประชาสัมพันธ์ที่จังหวัดพระนครศรีอยุทธยาเป็นจังหวัดแรก และมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ณ วันที่ผมมาเที่ยวพอดีครับ (คือวันที่ 21 มีนาคมครับ) สำหรับการประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ ก็มีคลิปประชาสัมพันธ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุทธยา ช่องเคเบิ้ล ATV ครับ (คลิปโดย pnnnews ครับ)
เสร็จเรื่องของเจ้าแม่กวนอิมแล้ว และมีอีกเรื่องของจังหวัดสุพรรณบุรีครับ ที่วัดป่าเลไลยก์ มีประชาสัมพันธ์โครงการแกะสลักหลวงพ่ออู่ทองที่ภูผา ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกันครับ
ภาพโดย WORLD BIGGEST BUDDHA IMAGE (WBBI) |
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมขของโครงการเพระเจ้าอู่ทองนั้น สามารถดูได้บน Facebook ที่เพจ:
WORLD BIGGEST BUDDHA IMAGE (WBBI) ครับ
และหลังจากที่ผมเที่ยวในสองจุดนี้เสร็จ การท่องเที่ยวสุพรรณบุรีแห่งความหลังก็จบลง และผมก็กลับกรุงเทพฯ แล้วกลับเชียงรายก่อนสิ้นเดือนมีนาคมครับ สำหรับการเที่ยวสุพรรณในสามครั้งที่ผ่านมานั้น เดี๋ยวผมจะเรียบเรียงแล้วนำมาเขียนขึ้นมาทีหลังครับ
ปิดท้ายบทความนี้ ด้วยคลิปท่าน ว เรื่องความหมายของพระปางป่าเลไลยก์ แล้วอย่าลืมติดตามบทความการท่องเที่ยวของผมระหว่างเชียงรายและสุพรรณบุรีได้ที่บล็อกนี้ครับ สวัสดีครับ
วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555
สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนที่ 3: เยี่ยมมังกรป่วย)
เข้าสู่ตอนสุดท้ายสำหรับ "สุพรรณบุรี แห่งความหลัง" แล้วครับ หลังจากพักแรมได้หนึ่งคืนก็ตื่นมาดูทิวทัศน์ของเมืองสุพรรณบุรี หลังจากที่ผมทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวผมก็จะเดินทางไปมังกรเพื่อดูอาการบาดเจ็บจากเหตุพลุระเบิดในเดือนมกราคมที่ผ่านมาครับ
ก่อนที่จะไปมังกร ผมเดินทางไปแวะไว้อนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราชก่อนครับ ใครที่ยังไม่รู้จักที่แห่งนี้คงสงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่ไก่ชนเต็มไปหมดน่ะครับ ก็เพราะว่า ครั้งยังที่องสมเด็จพระนเรศวรฯท่านยังทรงพระเยาว์นั้นท่านชอบเล่นไก่ชนครับ ดังนั้นชาวสุพรรณบุรีมักจะเอาไก่ชนทั้งตัวเล็กตัวใหญ่มาถวายให้ท่านดังที่เห็นครับ และผมก็เคยเอามาถวายให้ท่านตอนมาครั้งที่สองครับ
และผมก็เดินไปชมวัดไชนาวาส และก็ไปดูตลาดเช้าที่ถนนหมื่นประจญ ซึ่งมีของกินขายสดๆใหม่ๆที่นั่นครับ และตลาดนี้ก็ใกล้วัด ทำให้ผมได้พบกับพระที่มาบิณฑบาตภายในตลาดเช้าด้วยครับ
โอ้โห!! ปลากราย SIZE ใหญ่มาก!!! |
ครับ และผมก็เข้าไปดูพระเครื่องที่ขายเช่าในวัด ผมก็ได้ขออนุญาติถ่ายภาพเพื่อเอามาเขียนลงบล็อกนี้ครับ และถามว่า ตลาดพระเครื่องใหญ่นั้นขายที่ไหน ซึ่งคุณลุงก็ตอบว่า "วัดสุวรรณภูมิ" ครับ
แล้วคุณลุงก็บอกว่า แหล่งขายเช่าพระเครื่องที่วัดดังกล่าวนั้นจะเปิดตลาดนัดทุกวันอาทิตย์ครับ และผมก็ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อให้เก็บภาพมาให้ผมสามารถเล่าอธิบายได้ครับ สำหรับเรื่องนี้ ผมคิดที่จะตามหาสิ่งที่เป็นคำควัญท่อนหนี่งว่า "เลื่องลือพระเครื่อง" ทำให้ผมเข้าใจว่า สุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งจำหน่ายพระเครื่องแหล่งใหญ่แห่งนี้ครับ ถ้าหากชาวสุพรรณบุรีอ่านอยู่ ช่วยอธิบายเกี่ยวกับการขายพระเครื่องในจังหวัดให้ด้วยนะครับ
จากนี้ไป ผมนั่งรถสองแถวไปยังมังกรครับ
ถ้าใครยังจำความได้ ตอนนั้น งานตรุษจีนในเดือนมกราคมที่่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ได้เกิดอุบัติเหตุพลุระเบิดด้านหลังของมังกร ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัยด้านหลังมังกรครับ เมื่อผมมาถึง ผมก็ยังเห็นป้ายงานตรุษจีนอยู่ครับ
ตอนนั้นผมอยู่ที่เชียงราย กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสเรื่องการฉลองเมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปี และทราบข่าวทีหลังตอนแม่เปิดข่าวภาคดึกและมีรายงานด่วนเรื่องนี้มา ทำให้ผมตกใจและอึ้งทันที และสลดไปพักหนึ่ง พอวันที่ 25 คลิป ข่าว ภาพ ขึ้นบนทีวีและอินเตอร์เน็ต ขนาดผมยังอยู่เชียงรายยังสลดใจและใจหายครับ
หลังจากความรู้สึกแรกผ่านไป ผมก็รู้สึกว่า "มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย" เพราะผมกำลังจะเตรียมใจเข้าร่วมฉลองครบรอบ 750 ปีเมืองเชียงราย แต่ดันมาเจอเรื่องแย่ ๆ ใกล้ ๆ กันแบบนี้ ผมก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่สุพรรณบุรีเจออุบัติเหตุแบบนี้
ทำให้การเที่ยวครั้งนี้ ผมจึงไปสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และขอเรียกเที่ยวนี้ว่า "เยี่ยมมังกรป่วย" ครับ ดูไกล ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างเคลียร์หมดเรียบร้อยแล้ว พอมองที่ไปตัวมังกร ก็เห็นรอยแตกตรงช่องท้องได้ชัดดังรูปด้านบนครับ
เมื่อไปยังบริเวณทางเข้าพิพิธภันฑ์ ก็จะเห็นเมฆมังกรมีรอยแตก และเดินไปอีกก็จะเห็นนั่งร้านตั้งไว้ เพื่อซ่อมแซมเมฆมังกรที่แตกด้วยครับ
ต่อมา ผมขึ้นไปที่ศาลา 7 ชั้น เพื่อสังเกตรอบ ๆ ข้าง ก็รู้สึกว่าทุกอย่างเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ก็มีเพียงหลังคาวัดพระธาตุที่อยู่ด้านหลังมังกรนั้นแตกกระจาย แสดงความเสียหายที่ยังหลงเหลือครับ
ผมได้ไปสอบถามผู้คนที่อยู่แถว ๆ นี้ครับ ผมจึงถามกลับไปยังเหตุการณ์พลุระเบิดครับ พวกเขาได้ตอบว่า ตอนเกิดเหตุการณ์นั้น ไม่ทันได้นึกว่าเป็นอุบัติเหตุ คิดว่าเป็นจุดพลุใหญ่เฉยๆ แต่ก็รู้สึกว่าระเบิดตอนน้ั้นเสียงดังมาก กว่าจะมารู้อีกทีก็มีเสียงรถพยาบาลเข้ามาครับ และหลังจากที่เกิดขึ้นทำให้งานตรุษจีนนี้หยุดไป 1 วัน และจัดจนหมดวันงานครับ ถึงแม้ตอนนี้ตัวมังกรจะบาดเจ็บ แต่พิพิธภันฑ์ยังเปิดให้เข้าชมตามปกติได้ครับ
ครับ ผมอาจเขียนช้าไปหน่อย แต่ก็อยากจะเล่าความรู้สึกย้อนหลังผ่านทางนี้ ผมก็กราบขออภัยด้วยครับ ทั้งหมดนี้ผมก็ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งครับ ตอนนี้ผมถืว่ามังกรยังป่วยอยู่ครับ ใครได้มาเที่ยวที่นี้แล้วสามารถบริจาคค่าซ่อมแซมได้ครับ ภายในศาลหลักเมืองนั้นมีการรับบริจาคทำบุญค่าเกล็ด เล็บ เขี้ยวมังกร และอื่น ๆ ครับ
ก่อนที่ผมออกจากที่นี่ ผมได้บอกไปยังมังกรว่า ขอให้หายดีนะ และครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่ ขอให้น้องมังกรหายไวไวนะ อีกไม่นานก็หายดีครับ แต่ถึงยังไงผมก็ขอเป็นกำลังใจครับ
แต่สำหรับสุพรรณบุรีแห่งความหลังของผมตอนนี้ ผมคาดว่ามีสามตอน แต่ยังมีอีกหนึ่งตอน ไว้ติดตามกันอีกทีคราวหน้านะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)