วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

สุพรรณข้ามปีตอนที่ 2: ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง


สวัสดีครับ เดือนนี้สุพรรณบุรีคงจะครึกครื้นมากสำหรับงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ รำลึกวีรกรรมของท่านสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในหารทำศึกยุทหัตถีในการกู้กรุงศรีครั้งแรกนะครับ สำหรับที่เชียงรายก็จะมีงานพ่อขุนเม็งรายมหาราช ที่รำลึกการสร้างเมืองเชียงรายของท่านพญามังรายมหาราช ในวันที่ 26 มกราคม ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ครับ ปีนี้เมืองเชียงรายเข้าสู่ปีที่ 752 ครับ (อายุ 751 ปี)

ขออภัย ถ่ายป้ายจริงไม่ทันครับ เลยได้แต่รูปแบบนี้ T^T

สำหรับวันนี้ที่ผมเขียน จะมาเล่าเรื่องการเที่ยวสุพรรณบุรีข้ามปีในชื่อตอนว่า "ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง" ที่อำเภออู่ทอง นั่นเองครับ สถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่จัดดอกไม้ให้นักท่องเที่ยวมาชม เหมือนเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม(ไม้ดอกอาเซียนเชียงราย) และนิทรรศการนครเชียงรายนครแห่งดอกไม้งาม นั่นเองครับ ซึ่งคราวก่อนผมได้เขียนบล็อกตอนต้นเดือนในหัวข้อที่บอกว่าเชียงรายจะเต็มไปด้วยดอกไม้ ซึ่งงานดอกไม้ที่เชียงรายก็จัดออกมาได้อย่างสวยงามครับ 



ทีนี่เราก็มาดูของสุพรรณบุรีบ้าง ที่ "ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง" ที่อำเภออู่ทองนี่แหละครับว่า ที่นี่มีอะไรให้มาชมกันบ้าง ที่นี่นะครับ เป็นสถานที่จัดดอกไม้แบบ ALL IN ONE ซึ่งดอกไม้ในที่แห่งนี้ ทั้งโชว์ ทั้งขาย ทั้งจัดงาน ทั้งเพาะพันธุ์ และดูแลในที่เดียวกันครับ เมื่อผมมาถึงที่ ก็มีทางให้ไปชมดอกไม้หลายที่ ซึ่งที่ๆ แรกที่ผมได้เข้าไปสำรวจคือ เรือนพรรณไม้งาม ที่มีดอกไม้หลายชนิดได้นำมาตั้งโชว์ และสามารถซื้อได้ครับ 


ผมสังเกตดูว่า ดอกไม้ที่นี่จะแบ่งโซนชัดเจนว่าที่โซนนั้นดอกอะไร และทุกโซนจะมีป้ายราคาดอกไม้ติดไว้อยู่ ซึ่งแสดงว่าที่นำมาโชว์นั้น  หากถูกใจดอกไหน ก็ซื้อได้เลย อย่างเช่นดอกแววมยุราในรูปครับ 


และโซนต่อมาก็คือดอกหน้าวัว ซึ่งตัวดอกได้บานจนสังเกตจากที่ไกลๆ ได้ และก็จะมีคนมาดู และก็ซื้อเอากลับไปบ้านครับ จากนั้นก็มีดอกไม้อื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเทียนฝรั่ง หรือไม่ก็กล้วยไม้ เป็นต้นครับ

นี่คือสตรอเบอรี่นะครับ แต่มันไม่ได้ออกผลเลยไม่รู้นะครับ (เหงื่อตก)
เมื่อชมเรือนแรกเสร็จแล้ว ก็จะมีเรื่อนอื่น ๆ อยู่ด้านหลังครับ ซึ่งเรือนถัดมา ก็จะมีต้น
สตอเบอรี่หลายต้นให้ดูกัน แอบดูว่าต้นไหนมีผลแล้ว ปรากฏว่า ไม่มีทั้งต้นเลย (เหงื่อตก) แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถซื้อไปได้ ซื้อไปเลี้ยงให้ออกผลกันเองนะครับ (หัวเราะ) และก็จะมี "สัปปะรดสี" ซึ่งชื่อมันบอกว่า สัปปะรด แต่ต้นนี้ กินไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีผลครับ



ถ้าอยากจะกินได้ ที่นี่มีการเพาะ "เห็ดโอ่ง" สังเกตุได้จากการเอาโอ่งมาวางโชว์ให้ดูกันครับ โอ้! นี่คือศูนย์พืชพันธุ์เพาะเลี้ยงจริง ๆ ครับ มีวิธีเพาะ และมีวิธีการนำไปทำเป็นอาหารให้รับประทานอีกด้วยครับ นอกจากนี้ ก็ยังมีต้นหวาย กล้วยไม้ต่าง ๆ และต้นกระบองเพชร เพาะขายสำหรับเรื่องนี้ด้วยครับ


ที่ผมมาศูนย์พืชพันธุ์เพาะเลี้ยงนี้ เพราะว่าผมจะตามมาดู "ทิวลิป" ที่นี่ครับ เพราะว่าที่นี่จัดงาน "มหัศจรรย์ทิวลิปบานสุพรรณบุรี" ซึ่งตัวคอนเซปงานก็เหมือนกับงานเชียงรายดอกไม้งามทั้งสองแห่งครับ เมื่อมาถึงในงาน ก็จะได้รับการต้อนรับจากบ้านกังหัน ซึ่งนักท่องเที่ยวและชาวสุพรรณฯได้มาถ่ายรูปคู่กับบ้านกังหันด้วยครับ
ตอนไปถ่ายแดดแรงมากเลยถ่ายไม่ครบคำ (OTL)
และโซนที่จัดเป็นโซน "พฤกษาสวรรค์" ซึ่งจะเห็นพุ่มไม้แปรอักษรอยู่ ถ้าพุ่มไม้โตเต็มที่จนเต็มตัวอักษร ก็จะได้เห็นเต็มตัวอักษรครับ ซึ่งบริเวณต้อนรับและแปรอักษรนี้ ถ้าแดดไม้แรงมาก ก็จะมีคนมาพักผ่อน นั่งเล่นตามบริเวณนี้ครับ


ว่าแล้วเราก็ไปเข้าที่ซุ้มจัดงานกันครับ ที่แห่งนี้ก็จะมีการจัดพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาว และดอกไม้ต่าง ๆ ครับ แน่นอนครับว่าจะต้องมีทิวลิปให้ชมอย่างแน่นอนครับ ก่อนหน้านี้ผมก็ไปชมดอกไม้อื่น ๆ มาว่าแต่ละดอกนั้นสวยงามอย่างไร ที่สำคัญ มีป้ายกำกับชื่อดอกไม้อย่างชัดเจนครับ


แต่ทว่าน่าเสียดาย ที่วันนั้นผมไปดูในตอนนั้น ไม่มีดอกทิวลิปให้เห็นครับ มีแต่ตัวต้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามาช้าเกินไปหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีป้ายโชว์เกี่ยวกับการเติบโตของทิวลิปว่าใช้เวลากี่วันถึงจะบานออกมาเป็นดอกได้ อย่างน้อย ก็ได้ความรู้ทั้งผู้จัดและนักท่องเที่ยว จะได้กะเวลาถูกต้องว่าจะให้บานได้เมื่อไหร่นั่นเองละครับ ส่วนดอกไม้อื่น ๆ ก็ต้องหยิบมุขเดิมมาใช้นั่นก็คือถ่ายดอกไม้ระยะใกล้เพื่อชมความสวยงามของดอกไม้ครับ

มุขเดิมเวลาไปเที่ยวชมดอกไม้ (หัวเราะ)

สำหรับการเที่ยวที่นี่ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ ก่อนออกไป ผมได้มองไปยังสวนกุหลาบแวร์ซายด์ (รูปด้านล่าง) ที่นี่จะพยายามปลูกกุหลาบให้บานสำหรับวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ครับ และก็มีของขายของฝากมาขายด้วยครับ 



ก่อนออกจากที่นี้ ลุงวินมอไซด์อู่ทองเขาใจดี ให้ผมพาไปดูสวนดอกทานตะวันด้วยครับ ผมเลยถือโอกาสนี้ถ่ายสวนทานตะวันที่สวยงามในแบบของสุพรรณบุรีให้ชมเป็นการปิดท้ายเที่ยวนี้ครับ


สำหรับงานดอกไม้ที่แห่งนี้แล้ว ถ้าถามว่าผมรู้สึกอย่างไร ผมจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยไปบอกอีกทีในงานกล้วยไม้ที่บึงฉวากสำหรับวันพรุ่งนี้ครับ สำหรับการเที่ยวสุพรรณข้ามปีของผมยังไม่จบเพียงเท่านี้ ติดตามตอนต่อไปซึ่งยังคงอยู่กันที่อู่ทองครับ สวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

สุพรรณข้ามปีตอนที่ 01 วัดทับกระดาน (พุ่มพวงดวงจันทร์)








หลังจากที่ฉลองปีใหม่กันมาแล้ว สำหรับตัวผมเองก็จะมาขอเล่าเรื่องการท่องเที่ยวสุพรรณบุรีครั้งที่ 5 หรือ "สุพรรณข้ามปี" ครับ ผมเดินทางมาถึงสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา และเริ่มเที่ยวสถานที่ ๆ น่าสนใจวันต่อมา สำหรับวันที่ 30 ซึ่งเป็นวันแรกของผมนั้น วันแรกที่ผมได้ไปเที่ยวในช่วงเช้าได้แก่ "วัดทับกระดาน" ตำบลบ่อสุพรรณ อำเภอสองพี่น้อง ครับ



วัดทับกระดาน เป็นที่รู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า "วัดพุ่มพวงดวงจันทร์"ซึ่งผมก็เรียกรวมเป็น "วัดทับกระดาน  พุ่มพวง ดวงจันทร์" วัดนี้ มีความสำคัญในเรื่องของประวัติของ "ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์" เพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังนั้น เธอผูกพันและคุ้นเคยกับวัดนี้เป็นอย่างดี เมื่อเธอได้สร้างชื่อเสียงจนเป็น "ราชินีลูกทุ่ง" ร้องเพลงจนถึงบั้นปลายชีวิต ทำให้วัดนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงชีวะประวัติศาสตร์ ที่รำลึกถึง "ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวงดวงจันทร์" ครับ



คุณหญิงพุ่มพวงเกี่ยวข้องกับวัดนี้ตรงที่ คุณหญิงพุ่มพวงผูกพันกับวัดนี้ ตอนเด็ก ๆ ก็มีขอพรที่วัด พอมีงานวัดอะไรเธอก็จะมาทำบุญที่วัดนี้ และเป็นวัดที่ใกล้บ้านของคุณหญิงพุ่มพวงนั่นเอง และวันที่ 13 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันที่รำลึกการจากไปของคุณหญิงพุ่มพวง โดยจะมีงานวัด งานร้องเพลงลูกทุ่งซึ่งเป็นผลงานเพลงของเธอนั่นเองครับ



รูปภาพจากเวป http://www.esanclick.com/luktung_fanclub.php?No=25373


ถ้ามาถึงวัดนี้จะต้องคุยเรื่องคุณหญิงพุ่มพวงฯ กันก่อนนะครับ พูดถึงคุณหญิงพุ่มพวงฯแล้ว (ผมขอเรียกเธอว่าคุณหญิงนะครับ) ตามประวัติที่เล่ากันมานั้น คุณหญิงพุ่มพวงตอนเด็ก ๆ เธอชื่อ "น้ำผึ้ง" ซึ่งแม่ของเธอเป็นชาวไร่อ้อย (ซึ่งอำเภอสองพี่น้องมีพื้นที่ปลูกอ้อยค่อนข้างมาก) เธอใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักร้องชื่อดัง และได้มาประกวดร้องเพลงที่วัดทับกระดานแห่งนี้ ตอนนั้นเธอได้ขอพรจาก "หลวงพ่อบวช" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดนี้ และต่อมา เธอมาร้องเพลงที่งานวัดแห่งนี้ จนกระทั่งมี "ไวพจน์ เพชรสุพรรณ" เป็นนักร้องลูกทุ่งชาวบางปลาม้ามาขอเธอเป็นบุตรบุญธรรม แล้วน้ำผึ้งก็ได้ไปอยู่กับท่านไวพจน์และเป็น "น้ำผึ้ง เพชรสุพรรณ"





หลังจากที่เธอออกจากค่ายของไวพจน์ เธอได้ร้องเพลงลูกทุ่งจนประสบความสำเร็จ เป็นนักร้องชื่อดัง ได้เป็น "ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวงดวงจันทร์" และมีครอบครัวครับ และเธอก็มีชื่อเสียงโด่งดัง มีผลงานเพลงมากมาย มีแฟนเพลงทุกยุคทุกวัย แต่ทว่าน่าเสียดาย เธออยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก เธอก็ลาลับจากไป ถึงแม้เธอจะจากไป แต่มีผลงานเพลงต่าง ๆ และแฟนเพลงเป็นอมตะครับ


ภาพยนตร์ "พุ่มพวง" สื่อเรื่องล่าสุดที่เล่าประวัติชีวิตของ "พุ่มพวงดวงจจันทร์"


และความดังของ "ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวงดวงจันทร์" ทำให้เพลงที่เธอแต่ง เพลงที่เธอขับร้อง นำไปสานต่อให้กับนักร้องลูกทุ่งคนอื่น ๆ สืบเนื่องไป และเรื่องราวของเธอก็นำไปเขียนเป็นบทหนังบทละครทุกต่อเนื่องตามยุคสมัยครับ ซึ่งตอนที่ผมยังเด็กนั้นได้ดูละครเรื่อง "ราชนีลูกทุ่ง พุ่มพวงดวงจันทร์" ผ่านช่อง 7 สีครับ และล่าสุดในตอนนี้ เป็นภาพยนตร์เรื่อง "พุ่มพวง" แสดงนำโดยคุณ "เป้ย เปาวลี" นั่นเองครับ




ทีนี่เราก็มาพูดเรื่อวัดกันบ้าง (เดี๋ยวทางวัดจะน้อยใจ) วัดทับกระดานนี้ ได้สร้างเป็นสำนักสงฆ์บ้านทับกระดานในปีพ.ศ.2476 และมีสถานที่ศักดิ์สิทธ์หลายที่รอบๆ วัด วัดแห่งนี้มีประวัติของ "หลวงพ่อบวช" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดแห่งนี้ครับ หลวงพ่อบวชท่านมีความเชียวชาญในด้านการปลูกเสกพระเครื่องและวัตถุมงคลต่าง ๆ และลูกศิษย์ของท่านก็สืบรุ่นในปลูกเสกวัตถุมงคลจนถึงยุคนี้ครับ



วัดนี้มีอะไรที่ให้กราบไหว้บ้าง (ซึ่งสิ่งที่เกี่ยวกับคุณหญิงพุ่มพวงก็พูดรวม ๆ กันไปเลยนะครับ) ทางเข้าหน้าวัด ก็จะพบกับพระปางนาคปรกขนาดใหญ่คอยต้อนรับผู้มาเยือนวัดแห่งนี้ แน่นอนครับ พระปางนี้ เหมาะสำหรับคนที่เกิดวันเสาร์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นผู้ที่เกิดวันเสาร์มาไหว้ขอพระที่พระองค์นี้ให้ได้สมปราถนาครับ



เดินเข้ามาจะมีร้านค้าต่าง ๆ และด้านขวา จะเห็นวิหารจัตุรมุข ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ เก็บสรีละสังขารของหลวงพ่อบวชครับ ตอนที่ผมเข้าไปครั้งแรกเพื่อไปไหว้ ผมยังไม่ทราบว่าโลงที่อยู่ข้างหน้านั้นเป็นโลงที่เก็บสังขารของท่านไว้นั้นเอง (ซึ่งผมได้ทราบตอนถามคนที่อยู่รอบ ๆ วัดแห่งนี้ครับ)



เราจะไปดูทางซ้ายจากทางเข้ากันก่อนนะครับ ถ้าหันไปทางซ้ายมือก็จะเห็นต้นมหาไทรทอง ที่มีคนผูกผ้าเป็นสี ๆ ถูเลขขอหวยกันที่ต้นไม้แห่งนี้ และใกล้ ๆ ต้นไม้ก็จะมีรูปเจ้าแม่ให้ไหว้สักการะขอพรด้วยครับ



ตรงบ่อน้ำนะครับ จะมีหุ่นของคุณหญิงพุ่มพวง หุ่นแรกครับ สร้างขึ้นหลังจากงานพระราชทานเพลิงศพไป 15 วัน โดยบรรจุเถ้าท่าน ผงทุรีของคุณหญิงพุ่มพวงไว้ด้วยครับ หุ่นตัวแรกที่กล่าวมานี้ตั้งอยู่บริวณศาลาข้างสระน้ำครับ และก็จะมีศาลากลางน้ำไว้สำหรับชมปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำได้ครับ เมื่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามนั้น ก็จะมีศาลาฤๅษี ถ้ำฤๅษีจำลอง และศาลพุ่มพวงดวงจันทร์ครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปดูตรงนั้นครับ



ถ้าออกจากศาลา จะมีทางขึ้นข้างบนเรียก "ศาลาภูเขาดิน" ซึ่งมีหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อบวช องค์พระหลวงพ่อพระชัย และหลวงพ่อทอง และมีรอยพระพุทธบาทจำลอง ให้ไปไหว้ทางด้านบนอีกด้วยครับ เสร็จแล้วก็ยังสามารถชมสระน้ำและสิ่งรอบ ๆ วัด อาจจะไม่สูงมากนัก แต่ก็ได้บรรยากาศนิด ๆ ครับ




ชมฝั่งซ้ายของวัดเสร็จแล้ว ฝั่งขวาของวัดนั้น ถัดไปจากวิหารจัตุรมุขก็จะมี ศาลาสุธรรมรัตราษ์บำรุง ศาลานี้จะมีหุ่นจำลองคุณหญิงพุ่มพวงหลายหุ่นอยู่ในนี้ครับ และมีรูปของคุณหญิง และโปสเตอร์งานฟังลูกนิมิตที่คุณหญิงพุ่มพวงได้ร่วมทำบุญและร้องเพลงด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีกุมารบุญเหลือมาให้ไหว้ขอพรกันครับ และก็มีพระเครื่องให้เช่าบูชาด้วยครับ




ถัดไปจากศาลาก็จะเป็นอีกศาลาหนึ่งคือ ศาลาการเรียนรู้ชุมชน มีหุ่นคุณหญิงพุ่มพวงที่สาม เป็นท่าเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ และร้องเพลงพระราชนิพนธ์ครับ ตรงกันข้ามของศาลาธรรมฯ จะมีอัฐิของคุณหญิงพุ่มพวงอยู่ตรงนั้นด้วยครับ



วัดนี้ สามารถเที่ยวชมภายในได้ถึงครึ่งวันเลยครับ  เพราะกว้างกว่าที่คิดไว้มากครับ วัดนี้เลยได้ทั้งประวัติวัด ความศักดิ์สิทธ์ของภายในวัด และความศักดิ์สิทธ์ของคุณหญิงพุ่มพวงด้วยครับ



อิทฤทธิ์ปาฏิหารย์ของคุณหญิงนั้นสุดยอดจริง ๆ ครับ ผมเคยดูการสัมพาษณ์ของคุณเป้ยเปาวลีในรายการคนอวดผีว่า คุณหญิงพุ่มพวงเธอได้เลือกคุณเป้ยมาเป็นนักแสดงนำใน ภาพยนตร์พุ่มพวง เพราะน้ำเสียงของเธอคล้ายกับกับคุณหญิงมาก พอคุณเป้ยร้องเพลง  น้ำเสียงเธอจะเหมือนคุณหญิงพุ่มพวงมากครับ ทำให้คุณหญิงเลยเลือกคุณเป้ยมาแสดงครับ



และอีกหนึ่งปาฏิหารย์ที่ผมได้เห็นคือจากการเรื่องเล่าคือ เรื่องเพลิงไหม้ที่ตลาดบางลี่ หลังจากที่เก็บซากที่ถูกเผา ก็พบแผ่นเพลงของคุณหญิงพุ่มพวงที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และใช้การได้ ทำให้เจ้าของนำซีดีนี้มาเก็บทางวัด ซึ่งได้ลงข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วยครับ

ครับ สำหรับการเที่ยววัดทับกระดานนั้นได้เสร็จสิ้นและคุ้มค่ามากจริง ๆ ครับ ได้ชมอะไร ๆ ที่เกี่ยวกับราชินีลูกทุ่งพุ่มพวงดวงจันทร์ และเรื่องน่าสนใจหลายอย่างภายในวัดแห่งนี้ครับ สำหรับเที่ยวต่อไปในภาคบ่าย ที่อำเภออู่ทองนะครับ

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

บทวิจารณ์ มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2012



ก่อนที่จะอ่านบทวิจารณ์อันนี้ ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า ผมอยากจะเขียนเพื่อให้ข้อเสนอแนะและบอกถึงจุดที่ต้องปรับปรุงให้งานในปีหน้าออกมาดีกว่านี้ ถ้าท่านผู้ใหญ่ท่านใดอ่าน หากไม่ถูกใจประการใด หรือผมอาจจะเข้าใจผิดพลาดมาประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่แห่งนี้ด้วย เพราะผมก็อยากจะให้งานนี้ทำออกมาได้ดีในปีหน้าครับ สำหรับบทความนี้ ใช้เป็นภาษาเขียนครั้งแรกครับ เพราะทุกครั้งที่ผมเขียนมักจะเป็นภาษาพูดเสมอครับ

หลังจากการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย” ในวันที่ 22 ธันวาคม 255 ถึง วันที่ 6 มกราคม 2556 นั้น ถ้านักท่องเที่ยวจะต้องชมงานทั้งหมด จะต้องใช้เวลานาน จนต้องแบ่งวัน ซึ่งตรงนี้ถือว่าดี ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมงานนี้ได้ มากกว่าหนึ่งครั้ง ซึ่งมีอะไรหลายอย่าง ที่น่าสนใจและน่าเข้าชมทุกส่วน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งต่าง ๆ ภายในงานได้
แต่การจัดงานโดยรวมแล้วบางส่วน สร้างความประทับใจได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งสร้างความประทับใจได้เพียงเปลือก แต่แก่นสารนั้นยังต้องปรับปรุงอีกมาก และอีกส่วนหนึ่งนั้น อาจจะต้องจัดให้มันดียิ่งขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวจนสามารถมาเยี่ยมเยือนได้มากกว่าหนึ่งครั้งได้ สำหรับโซนจัดงานนั้น จะมีรายละเอียดในการวิจารณ์ดังนี้


สำหรับสวนดอกไม้ เป็นจุดสำคัญของงานทุก ๆ ปี ความเปลี่ยนแปลงของงานนี้คือมีการเอาสถานที่ที่เป็นจุดสำคัญของ 10 ประเทศอาเซียนมาตั้งไว้ แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ ไม่ได้บอกว่าสถานที่นี้คืออะไร ประเทศอะไร เพราะนักท่องเที่ยวบางคนอาจยังไม่ทราบว่าที่ไหน และสิ่งที่สำคัญมากคือ “ดอกไม้ประจำในแต่ละประเทศอาเซียน” ซึ่งไม่มีดอกจริงจัด มีแต่ป้ายบอกว่าแต่ละประเทศมีดอกอะไร และมีแต่ตัวมาสคอสเท่านั้น
ในส่วนของการดูแลอาจไม่ได้ต่อเนื่องเหมือนครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ครั้งต่อไปควรจะมีการดูแลดอกไม้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่น่าใจหายคือ มีการจับคนเด็ดดอกไม้เพื่อเอากลับไปบ้าน ดังนั้นครั้งต่อไปควรมีป้ายเตือนเรื่องห้ามเด็ดดอกไม้และห้ามเดินลัดสนาม
บางครั้งนักท่องเที่ยวเห็นดอกไม้สวยและ อยากจะไปถ่ายรูปอยู่ท่ามกลางดอกไม้ ควรจะมีที่เหยียบให้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปท่ามกลางดอกไม้ได้


สิ่งที่เพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งคือ การสร้างสวนสัตว์ขนาดเล็กให้นักท่องเที่ยวดูนั้น ซึ่งเป็นการสร้างสีสันเพิ่มเติม ทำให้งานมีความหลากหลาย ในการดูงานมากขึ้น อย่างไรก็ตามการติดป้ายห้ามใช้แฟลชอาจน้อยไป ควรจะติดป้ายให้เด่นขึ้นหรือมีเจ้าหน้าที่มาคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด


ในส่วนของขบวนบุพชาติกลางน้ำนั้น ถือว่าเป็นการจัดที่แปลกใหม่และน่าสนใจอยู่มาก เนื่องจากการจัดครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงทำให้ขบวนประกวดจัดอย่างไม่เป็นระเบียบ ไม่เหมือนบุพชาติ 10 ประเทศ ซึ่งตรงนี้หลังจากประกวดแล้วควรจะจัดให้เป็นระเบียบและสวยงาม และนักท่องเที่ยวสมารถถ่ายรูปได้ และอาจจะต้องทำความสะอาดในเรื่องของหญ้าที่อยู่บนน้ำเพื่อให้ดูสะอาดตาไปด้วย


ในส่วนของตลาดน้ำ รูปแบบการจัดค่อนข้างที่จะจืดชืด ดูเหมือนว่า คนขาย ขายบนน้ำ แต่คนซื้อซื้อได้แต่บนดินเท่านั้น แต่ถ้านักท่องเที่ยวจะล่องเรือ ก็ทำได้แค่ล่องเรือ น่าจะล่องเรือแล้ว สามารถซื้อของจากข้างบนได้มากกว่า ดังนั้นของที่ขายควรจะขายได้ทั้งทางบกและทางน้ำ ซึ่งตัวร้านขายของนั้นมีทางเปิดทั้งด้านบนและด้านล่าง


ในส่วนของกาดหมั้วและนั้นภาพรวมถือว่าดี ไม่มีอะไรที่ขาดตกบกพร่อง และลักษณะของเวทีก็จัดได้ดี และมีน้ำพุเต้นระบำหลังฉากทำให้ดูสวยงามทั้งด้านหน้าและด้านหลัง


ในส่วนของงานขายสินค้าทั่วไป (EXPO) นั้นดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ขณะที่งานขายสินค้า OTOP และงานแสดงสินค้าลุ่มน้ำโขง หรือ GMS ข้อดีอย่างนึ่งคือ ผู้จัดลงทุนด้วยการติดเครื่องปรับอากาศ ทำให้คนซื้อและคนขายสามารถขายและซื้อในอากาศที่เย็นสบาย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องชมงานได้นานยิ่งขึ้น
แต่ตัวป้ายงานนั้นตัวชื่องานดูแคบ แต่ข้างในนั้นมีของทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศรวมอยู่ด้วย ดังนั้นชื่องานควรจะปรับปรุงให้เหมาะสม เพราะงานแสดงสินค้าไม่ได้มีเฉพาะลุ่มน้ำโขง เพราะมีจังหวัดอื่นเข้ามาขายสินค้าด้วย สำหรับข้อแนะนำสำหรับปีหน้าคือ จัดโซนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยแบ่งเป็นสินค้าของ เชียงราย จังหวัดลุ่มน้ำโขง ต่างจังหวัดอื่นๆ และต่างประเทศในอาเซียน


ในส่วนของนิทรรศการอาเซียนนั้น ยังถือว่าต้องปรับปรุง แม้ว่าภายในนั้น ได้ความรู้ก็จริง มีที่ให้ถ่ายรูปได้ก็จริง แต่ตรงกลางแต่ละประเทศ ควรจะจัดช่อดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน ให้นักท่องเที่ยวสามารถเห็นดอกไม้ของจริงได้ แต่ภายในนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจาก ข้อความ และรูปสถานที่ท่องเที่ยว น่าจะจัดให้มีอะไรน่าดูมากกว่านี้ ในส่วนของสไลด์โชว์นั้น ควรจะปิดถ้าหากมีแสงแดดมาก เพราะมองไม่เห็น ต้องเปิดเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น และการเปิดเสียงแนะนำนั้น แทบจะเหมือนกันทั้งหมด ทำให้รู้สึกหนวกหู ยกเว้นแนะนำเฉพาะประเทศ ดังนั้น แนะนำประเทศไหนก็แนะนำเฉพาะประเทศนั้น และการแนะนำอาเซียน มีเฉพาะ ประเทศไทย (ประเทศแรก) และประเทศสุดท้ายของห้องเท่านั้น


ในส่วนของสวนสนุกนั้น ถือว่าสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็ก ๆ และเครื่องเล่นสำหรับผู้ใหญ่บางสวนก็สนุกสนานเช่นกัน และการที่มีโดมสเกตน้ำเข็ง ทำให้เป็นเครื่องเล่นที่น่าสนใจสำหรับส่วนนี้เลยทีเดียว แต่สิ่งที่อาจจะต้องปรับปรุงเล็กน้อย คือการทำป้ายบอกทางสำหรับซื้อคูปองเครื่องเล่น เพราะบางครั้งที่คูปองเครื่องเล่นหายาก ทำให้เสียเวลาหาที่ซื้อคูปอง


  สำหรับสวนสัตว์และฟาร์มดอยหลวงนั้น เป็นการจัดแสดงที่น่าสนใจโดยเฉพาะการเอาสัตว์หายากมาให้ชมและการให้อาหารแกะนั้นล้วนสร้างความเพลิดเพลินไปอีกแบบ ดังนั้น ทางดอยหลวงสามารถเอาการจัดแสดงแบบนี้ในงานพ่อขุนเม็งรายฯก็ได้อีกด้วย


ในส่วนของหมู่บ้านอาเซียน และเวทีจัดแสดงนั้น ถ้าไม่นับเรื่องการแสดงออกจะดูขาดสีสันไปนิด แต่ชื่อโซนนั้น น่าจะเขียนว่า โซนหมู่บ้านชนเผ่าและอาเซียน ส่วนนี้ควรจะเพิ่ม แบบจำลองลักษณะบ้านที่อยู่อาศัยแบบพื้นเมืองในซุ้มของกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติมลงไป จะทำให้ได้ชื่อหมู่บ้านอาเซียนได้สมชื่อ ในทางที่ดีควรจะเพิ่มเป็นหมู่บ้านอาเซียนและหมู่บ้านชนเผ่าก็จะดี


สำหรับส่วนของซุ้มหิมะนั้น ก็เหมือนเป็นสตูดิโอถ่ายรูปที่สร้างความสนุกสนาน ซึ่งเป็นตัวแถมในงานนี้ แต่ดูเหมือนว่าอาจจะสร้างความประทับใจได้เพียงครั้งเดียว สิ่งที่ทำให้ดูน่าสนใจคือ สร้างหิมะตกให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจัดแสดงประวัติของเชียงรายว่าเคยมีหิมะตกมาแล้วอีกด้วย ถ้าต้องการประหยัดงบประมาณ ควรกำหนดเวลาเปิด-ปิดด้วยน่าจะดี


ในส่วนของลานอาหาร ดูจำนวนเก้าอี้กน่าจะเพียงพอต่อนักท่องเที่ยว ถึงที่นี่จะมีการแสดงของดารานักแสดงบนคอนเสิร์ต ให้สนุกสาน แต่สิ่งที่ค้อนข้างจะผิดหวังคือ อาหารที่ขายในที่นี้แพง จนบางครั้งต้องซื้อจากข้างนอกแล้วมากินข้างในนี้ ทุกอย่างดีแล้วแต่สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือ ทำอย่างไรไม่ให้ขายของในที่นี้แพงเกินไป

สำหรับภาพรวมของงานนี้ทั้งหมดนั้น ก็ยังถือว่าคุ้มค่าในการเดินทางมาเที่ยวชม เพราะใช้เวลานานกว่าจะเดินดูได้ครบทั้งหมด และเป็นการทุ่มทุนให้นักท่องเที่ยวประทับใจในงาน สิ่งที่ควรพยายามอีกนิดคือ ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวประทับใจและอยากจะเข้ามาชมอีก หรือให้ประทับใจทั้งภายนอกและภายใน
ถ้าหากจะจัดงานไม้ดอกอาเซียนครั้งต่อไป สิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างที่สุดคือ “ดอกไม้จริงของ 10 ประเทศชาติอาเซียน” ถ้ามีถือเป็นเอกลักษณ์ที่ดีต่อตัวงานอย่างยิ่ง
ในส่วนที่เด่นบางส่วน อาจจะดูเด่นกว่าสวนดอกไม้ ข้อแนะนำตรงนี้คือ พยายามใช้ดอกไม้ตกแต่งให้ทั่วบริเวณสมกับเป็นงานดอกไม้ ในส่วนที่ต้องปรับปรุงนั้น ถือว่าอาจจะเป็นการรีบจัดไปหรือไม่นั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ องค์ประกอบในแต่ละส่วนต้องครบถ้วน ถึงแม้จะมีด้านที่ต้องปรับปรุง แต่ถือว่ายังใช้ได้อยู่ แต่สำหรับครั้งต่อไปจะต้องให้ดีกว่านี้

เพี่มเติม:จากทั้งหมดทั้งมวลนี้ถือว่างานนี้ มีของเสริมเยอะมาก จนบางครั้งเด่นกว่าตัวหลักคือเด่นกว่าสวนดอกไม้ ถึงอย่างไรก็ตาม งานดอกไม้ ดอกไม้ต้องเด่นไว้ก่อน

(คะแนนวิจารณ์ (คะแนนรวม 63 ต่อ 100)

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

ฤดูการท่องเที่ยวนี้ เชียงรายจะเต็มไปด้วยดอกไม้!!!



สวัสดีปีใหม่ 2556 ครับ ขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ ตลอดปีมะเส็งไม่มีเซ็งนะครับ และการไปเที่ยวสุพรรณบุรีข้ามปีของผมนี้ก็ราบรื่นและเจอเรื่องตื่นเต้นมาครับ ก่อนที่จะเล่าเรื่องการไปเที่ยวสุพรรณบุรีนั้น เรามาพูดถึงฤดูการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายกันก่อนครับ


ผมจะนิยามฤดูการท่องเที่ยวของเชียงรายตามหัวข้อเลยครับว่า "ฤดูการท่องเที่ยวนี้ เชียงรายจะเต็มไปด้วยดอกไม้" เนื่องจากว่า ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายนั้นได้ติดป้ายประกาศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวว่า "นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม" ซึ่งสื่อให้เห็นว่า เชียงรายเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งทางภาคเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว และทำช่วยให้ดอกไม้เมืองหนาวต่างๆ บานสะพรั่งและสวยงาม แล้วยังอำนวยให้สามารถปลูกดอกไม้หายากต่างๆ ได้ครับ และตรงนี้เป็นแนวคิดที่ทำให้เกิดเทศกาลเชียงรายดอกไม้งามซึ่งจัดมาถึง 9 ครั้งแล้วครับ

ก่อนสิ้นปีผมได้ไปเยี่ยมหาอาจารย์เฉลิมชัยที่วัดร่องขุ่น ซึ่งทางวัดร่องขุ่นเองก็มีการจัดประดับดอกไม้สวยงามเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ และนอกจากนี้ ยังมีที่อื่นร่วมกันประดับดอกไม้ให้สวยงามในแต่ละพื้นที่ ผมคาดว่าคงมีหลายที่ ๆ น่าจะจัดดอกไม้ทั่วจังหวัด ทำให้เชียงรายนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้สำหรับช่วงนี้ครับ


หลังจากที่ผมกลับจากสุพรรณบุรีมาแล้ว ผมตั้งใจจะเอาสาลี่ของดีเมื่องสุพรรณฯ มาถวายพญามังรายฯ ครับ และเมื่อนึกถึงนิยามของฤดูการท่องเที่ยวเชียงรายแล้ว ถ้าไม่เห็นดอกไม้ที่ไหนซักแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ก็ยังมาไม่ถึงเชียงรายนะครับ และผมก็จะยกตัวอย่างสถานที่จัดดอกไม้ในบล็อกนี้ สองที่ด้วยกันครับ นั่นคือ อนุสาวรีย์พญามังราย กับ สวนตุง ครับ


เริ่มจากบริเวณรอบ ๆ อนุสาวรีย์พญามังรายก่อนครับ รอบ ๆ ท่านจะมีการจัดดอกไม้สวยงามตกแต่งบริเวณด้านหลังอย่างสวยงามครับ ซึ่งใครที่นั่งรถหรือขับรถผ่านห้าแยกพ่อขุน ก็จะเห็นการจัดดอกไม้รอบ ๆ อนุสาวรีย์อย่างที่เห็นนะครับ และจะมีที่นั่งถ่ายรูปพร้อมกับดอกไม้สวย ๆ รอบ ๆ ตัวด้วยครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายมา เพราะมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายตรงที่ผมบอกครับ


ตอนเด็ก ๆ นะครับ พ่อแม่ผมมาเดินเล่นและมาไหว้ท่านแทบทุกอาทิตย์ครับ พอวันหยุดว่าง ๆ ก็พามาที่นี่กันครับ และตอนเด็ก ๆ ผมเคยมานอนกลิ้งเกลือกบนสนามหญ้าที่นี่ด้วยล่ะครับ


ชมดอกไม้สวย ๆ กันแล้ว คงจะต้องมีการถ่ายรูปกันบ้างล่ะครับ และที่สำคัญจะต้องโฟกัสไปที่ตัวดอก ดูว่าจะสวยงามซักแค่ไหนกัน แล้วดอกนี้สวยหรือเปล่าครับ ถ้าสวย แสดงว่าคนที่พูดเป็นคนสวยครับ คุณผู้ชายอย่าน้อยใจนะครับ เพราะถ้าคนพูดเป็นผู้ชาย นั่นแสดงว่าจิตใจสวยงามครับ

หลังจากที่ผมเอาสาลี่ไปถวายท่านเสร็จแล้ว ผมไปดูดอกไม้ที่สวนตุงและโคมครับ ซึ่งสวนที่นั่นจัดนิทรรศการดอกไม้ "นครเชียงราย นครแห่งดอกไม้งาม" ซึ่งจะจัดแสดงดอกไม้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ครับ


เรามาย้อนอดีตกันสำหรับที่นี่นะครับ สถานที่แห่งนี้ เคยเป็น "คุกเก่า" มาก่อนครับ ในสมัยเด็ก ๆ ผมก็เคยเห็นด้านหน้าของตัวคุกเก่านี้มาแล้วครับ และสมัยนั้นตอนที่ผมเริ่มเรียนมัธยมต้น สถานที่แห่งนี้ก็เริ่มแออัดและคับแคบมากขึ้นครับ เนื่องจากผู้ที่ถูกลงโทษต้องจำคุกนั้นมีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ห้องขังมีสภาพอึดอัด จนมีผู้ต้องขังบางคนถึงกับขาดอากาศหายใจ ตายในห้องขัง และเรื่องนี้ก็เคยเป็นข่าวมาแล้วด้วยครับ


ดังนั้นทางจังหวัดเชียงราย จึงจำเป็นต้องย้ายคุกและผู้ต้องขังย้ายออกไปไกลครับ และย้ายไปยังดอยฮาง สำหรับพื้นที่นี้จังปรับเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ เป็นสวนตุงและโคมนั่นเองครับ อาคารที่ได้เห็นดังต่อไปนี้เป็นอาคารควบคุมดูแลผู้ต้องขัง ซึ่งด้านหลังจะมีห้องขังผู้ต้องหาครับ แต่ตอนนี้ก็ถูกรื้อออกไปแล้วครับ


เหลือเพียง อาคารผู้ต้องขังที่อยู่ด้านหลังเวทีของสวนครับ (ตามรูปด้านบน) ซึ่งปัจจุบัน เป็นห้องจัดแสดง 30 ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงรายครับ

บริเวณนี้นะครับ ก็จะใช้พื้นที่จัดงานต่าง ๆ หลายอย่าง ถ้าไม่ได้จัดงานอะไร ก็จะเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองเชียงรายครับ ตอนเย็นๆ จะมีกลุ่มผู้ใหญ่มาเต้นแอรโรบิคกัน และยังมีวัยรุ่นมาเล่นสเกตบอร์ดกัน ณ ที่นี้ด้วยครับ


ที่คุกเก่านี้เคยมีแดนประหารด้วยนะครับ อย่าคิดว่าเพราะมันแคบก็เลยไม่มี ไม่ใช่นะครับ ที่นี่เคยมีครับ สำหรับจุดที่เคยเป็นแดนประหารมาก่อน นั่นคือศาลพระพรหมครับ หลังจากที่ย้ายคุกไป แต่ความเป็นอดีตนั้นก็ยังหลงเหลืออยู่ เนื่องจากมีวิญญาณที่ถูกประหารยังคงไม่ไปไหน ทำให้มีการตั้งศาลพระพรหมที่นั่นเพื่อเป็นการขออโหสิกรรมต่อวิญญาณโทษประหาร และทำให้ที่นั่นเป็นที่ๆ มงคลขึ้นคับ


ครับ นี่คือเรื่องราวในอดีตของที่นี่ จากสถานที่ ๆ เต็มไปด้วยความทุกข์ระทม  ก็สามารถเนรมิตให้เป็นสถานที่ ๆ มีแต่ความรื่นรมย์ ได้อย่างสวนตุงครับ


ในบทความเรื่องงานไม้ดอกอาเซียนที่ผ่านมา ผมเคยเล่าว่ามีการเปลี่ยนนายกองค์การฯเป็น สลักจฤฎดิ์ (สลักจิต) ติยะไพรัช ทำให้อดีตนายกสองสมัย รัตนา จงสุธนามณี มาจัดงานดอกไม้ที่สวนตุงแห่งนี้ ทำให้เชียรายมีงานดอกไม้งามถึง 2 แห่งครับ


สำหรับ 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของท่านรัตนาที่ผ่านมานั้น ทำให้งานจัดดอกไม้จึงสวยงามและเป็นที่น่าประทับใจต่อนักท่องเที่ยวครับ และเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดคืออุโมงค์ดอกไม้ครับ ผมรู้สึก่าว่าอยากให้งานกล้วยไม้ที่บึงฉวากจังหวัดสุพรรณบุรี จัดดอกให้เต็มอุโมค์เหมือนที่เชียงรายแบบเลยครับ


ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้อะไร ก็จัดได้อย่างสวยงามและร่มรื่นครับ แต่น่าเสียดายนิดหนึ่ง ที่ผมมาช้าไปนิด ทำให้ดอกไม้บางส่วนอาจเหี่ยวไปแล้ว แต่คนที่ดูแลบอกว่า มีการมาเปลี่ยนให้ดอกดูสวยตลอดเวลานั่นเองครับ ที่สำคัญ ต้องมาดู ดอกทิวลิปที่นี่ด้วยนะครับ


นอกจากนี้ ยังมีหอแสดงภาพ ซึ่งแสดงการประกวดภาพวาดภาพถ่ายของชาวเชียงรายทุกวัยแสดงอยู่ที่หอแห่งนั้นครับ ในปีที่แล้วที่มีการฉลองครบรอบ 750 ปีเมืองเชียงรายก็มีการประกวดภาพเชียงรายวันนี้/วันวานมาแล้วครับ


ที่นี่ไม่ใช่แค่ดูดอกไม้นะครับ ยังมีจุดบริกรซื้อของกินหรือเครื่องดื่มมาด้วยครับ และก็มีการจำหน่ายซีดีเพลงชุด "นครเชียงราย นครแห่ง ดอกไม้งาม" อัลบั้ม ฝากใจไว้ ที่นครเชียงราย ซึ่งจะมีซีดี 2 แผ่นด้วยกันคือ แผ่นแรก แผ่นเพลงเชียงรายโดยตรง โดยมีเพลง "ฝากใจไว้ที่นครเชียงราย" เป็นเพลงเด่นครับ และแผ่นที่สอง แผ่นลูกกรุงเก่าที่นำมาขับร้องในแบบเชียงรายครับ สำหรับซีดีเพลงนี้ราคา 150 บาท ครับ รายได้จากการขายแผ่นจะนำไปร่วมสมทบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนครับ ถ้าใครชอบฟังเพลง ช่วยมาอุดหนุนเพลงของเจ้าของงานด้วยนะครับ


ถ้าเห็นว่าดอกไม้สวย อยากได้ไปซักดอก จะเก็บไว้เองหรือให้คนอื่น ไม่ต้องน้อยใจ ที่นี่ก็มีขายเช่นกันครับ ไปเลือกซื้อได้เลยครับ ดอกไม้ที่นี่สวยๆ งามๆ ทั้งนั้นครับ และก็ ถ้าซื้อไปแล้วอย่าลืมดูแลมันด้วยนะครับ


สำหรับนิทรรศการนี้ จะมีไปถึงเดือนกุมภาพันธ์นะครับ ถ้าใครยังไม่ได้มาเชยชม ก็รีบมาดูกันนะครับ ดอกไม้สวย ๆ งาม ๆ พร้อมที่จะบานให้กับนักท่องเที่ยวเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนี้เท่านั้นนะครับ ถ้ามาเชียงรายแล้วได้ดูดอกไม้ ก็จะไม่ผิดหวังนะครับ

ก่อนจบบทความนี้ไป สำหรับเนื้อหานี้ทำให้ผมนึกถึงเพลงเกมหนึ่ง ชื่อเพลงว่า Alstroemeria (walk with you remix) เพลงนี้แต่งโดย ยาสึฮิโระ ทากุจิ (TAG) เพลงนี้ปรากฎในเกมเต้น Dance Dance Revolution ภาค X3 vs 2ndMix ซึ่งชื่อเพลงนั้นเอาชื่อดอก "โอลสโทรเมเรีย" มาเป็นที่เพลง และชื่อ Remix อันนี้สื่อว่า ดอกนั้น "จะมาอยู่เคียงข้างกับคุณ"


เวลาที่ผมฟังเพลงนี้แล้ว ก็มักจะนึกถึงสวนดอกไม้ครับ ผมก็นึกในใจว่าดอกนี้จะมีให้เห็นในเชียงรายหรือเปล่านะ แต่ถึงยังไงก็ลองฟังเพลงดูนะครับ

สำหรับการไปเที่ยวสุพรรณบุรีของผม ผมพยายามจะเขียนมาเรื่อย ๆ ครับ และผมจะทยอยอัพขึ้น Facebook ทีหลังนะครับ อย่าลืมมาให้กำลังใจด้วยการกดถูกใจที่เพจของผม แล้วบอกต่อให้กับนักท่องเที่่ยวและคนอื่น ด้วยนะครับและอย่าลืมแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ