วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนที่ 2: เข้าเมือง)




หลังจากที่กินดื่ม ดูของฝากจากตลาดสามชุกมาแล้ว ผมนั่งรถเข้าจังหวัดสุพรรรณบุรีครับ และแน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นคือ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันนั่นเองครับ แต่ก่อนที่จะไปที่ห้าง จะต้องขึ้นหอคอยบรรหารก่อน ผมทำเป็นธรรมเนียมแล้ว ถ้ามาที่นี่ ก็ต้องขึ้นหอคอยบรรหารครับ



ถึงแล้วครับ หอคอยบรรหาร อยู่ในสวนเฉลิมภัทรราชินี จะว่าไปแล้วผมยังไม่เคยลองไปสำรวจครบทุกที่เลยครับ เพราะในครั้งที่สามที่ผ่านมา ผมเดินดูทั่วแต่ไม่เคยเล่นสวนน้ำแล้ว แอบเซ็ง ๆ อีกว่า ลืมอีกแล้ว ลืมเอากางเกงว่ายน้ำมาครับ (ยังไม่ได้ซื้อ -_-'')  ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ถ้ามาถึงแล้วก็ต้องขึ้นหอคอยล่ะครับ



แน่นอนล่ะว่า ถ้าขึ้นหอคอยแล้วจะต้องมีเสียว ๆ กันล่ะ เฮ้อ มากี่ครั้งก็เหมือนเดิมทุกที ครั้งนี้ผมบอก "ทำใจก่อนขึ้น" เลยล่ะครับทีนี้ เพราะขึ้นกี่ทีกี่ทีก็มีแต่กลัวครับ แต่ก็ขึ้ันมาได้ ก็มีจ้องมองห้างให้กันทันทีครับ สำหรับรูปที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ ผมกำลังยืนอยู่หน้าภาพวาดที่สมเด็จพระเนรศวรมหาราชทำศึกยุทธหัตถีกับพม่านั่นเองครับ



ครับ นี่คือภาพวาดท่านสมเด็จพระเนรศวรมหาราชทำศึกยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาซึ่่งท่านพระเนรศวรได้ชัยชนะและกอบกู้เอกราชในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้นั่นเองครับ และสถานที่ ๆ ท่านทำศึกคือจังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้จังหวัดนี้เป็นเมืองยุทธหัตถีครับ คำว่ายุทธหัตถีนั้นหมายถึงชนช้างครับ 



แล้วผมก็ส่อง ส่อง ส่อง และก็ส่อง โดยเฉพาะส่องหาสถานที่ใหม่คือโรบินสันครับ (อดใจอ่านต่อไปอีกนิดนะครับ) และก็เจออย่างชัดเจนครับ ผมว่ายืนอยู่ที่สูง ๆ ก็สนุกดี ตื่นเต้น หวาดเสียว ทำให้ผมนึกถึงข้อคิดหนึ่งที่ผมปล่อยบน Facebook นั่นคือ "ข้อคิดดี ๆ จากการกลัวความสูง" ครับ



หลังจากที่ชมวิวกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ลงมาที่ชั้นสองหรือโซนทานข้าว ผมมาทานไอศกรีมช็อกโกแลตซันเดย์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ชมเมืองสุพรรณบุรีรอบ ๆ ครับ 


เสร็จแล้ว ผมก็ลงหอเพื่อเดินทางไปช็อปปื้งในห้างใหม่ คือห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาสุพรรณบุรี ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง ติดกับถนน Super Highway ครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทราบว่าไปยังไง ผมจึงนั่งรถสองแถวพาไปยังสถานีขนส่งก่อนครับ เมื่อผมรอที่สถานีขนส่งแล้ว ผมถามคนขับรถว่า ห้างโรบินสันไปยังไง คนรถเขาบอกว่า ไปรถสองแถวที่ติดป้ายสีเขียวที่เขียนว่า "โรบินสัน" (ดูภาพด้านล่าง) ครับ 




ทีแรกผมพยายามสังเกตรถที่ติดป้ายโรบินสันอยู่ แต่ยังไม่เห็นมีมา จนกระทั่งรถสองแถวคันหนึ่งได้ถามผมว่าไปไหน ผมตอบว่าไปโรบินสัน เขาก็ให้ผมขึ้นรถเลย และเขาก็ติดป้ายโรบินสันตามรูปภาพนี้แหละครับ ผมรู้สึกขอบคุณที่เจ้าของรถถามและก็รีบติดป้ายดังกล่าว และให้ผมถ่ายรูปตัวอย่างด้านบนนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ



และรถก็ขับรถออกจากตัวเมือง และก็กลับรถเพื่อเลี้ยวเข้ามายังห้างตามภาพด้านบนครับ ที่ตั้งตามภาพนั้น อยู่ฝั่งเดียวกับตัวเมือง ก็เลยขับอ้อมไปไกลหน่อย และแล้วเราก็มาถึงห้างโรบินสันสาขาสุพรรณบุรีแล้วครับ




สำหรับห้างนี้ เปิดตัวเมื่อวันที่ี่ 2 มีนาคม 2554 เป็นห้างสองชัั้น มีโรงภาพยนตร์ 4 โรงครับ ผมก็ลองเดินภายในห้างและพักผ่อนดูสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ และคลายความร้อนจากการที่เที่ยวข้างนอกมาครับ ร้อนแค่ไหนไม่หวั่น เราก็สนุกสนานไปกับกานท่องเที่ยวครับ


ก็อย่างที่บอกนะครับว่า การมาที่เดิมซ้ำ ๆ อาจจะมีเบื่อไปบ้าง แต่อย่าลืมว่า ครั้งต่อไปก็ต้องมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปแน่นอนครับ ผมย้อนกลับไปทุกครั้งที่อยู่บ้านที่เชียงราย ผมชอบเดินถนนคนเดินบ่อยมาก ถึงแม้จะเห็นอะไรซ้ำ ๆ แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือเห็นสิ่งที่แตกต่างจากครั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ฝน ฟ้า อากาศ ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเปลียนไป เช่นขึ้นดอยตุงในฤดูฝน ก็จะได้กลิ่นน้ำฝน หรือได้สัมผัสอากาศหนาวในฤดูหนาว เป็นต้นครับ


อีกประการหนึ่ง การท่องเที่ยวของผมไม่ไช่แค่การไปดูสิ่งที่น่าสนใจ นอกจากนี้แล้วคือการเข้าไปพูดคุย และสร้างความสัมพันธ์กับคนท้องถิ่น เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์นี้หายไป ก็เลยไปเที่ยวที่นั่นซ้ำ ๆ ที่เดิม และก็แลกเปลี่ยนสิ่งที่เป็นบ้านเกิดตัวเองให้กันและกัน




ถ้าย้อนกลับไปที่ตลาดสามชุก ผมได้คุ้นเคยกับป้าคนหนึ่งที่ขายอาหารตามสั่งชื่อ "ร้านน้อง-กุ้ง" ที่เคยช่วยเหลือผมในตอนเที่ยวครั้งแรกสุดครับ ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในการท่องเที่ยวครั้งนั้นมากครับ และทุกครั้งที่ผมมาที่ตลาดสามชุก ผมไม่ลืมที่จะแวะสั่งอาหารที่ร้านนี้ครับ ถ้าหากไปเที่ยวจังหวัดไหน ก็ลองไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนท้องถิ่นดูครับ แล้วจะรู้ว่า สถานที่ ๆ เราเที่ยวนั้น มากกว่าที่เรารู้จักอีกครับ



ครับ สำหรับการเที่ยวสุพรรณบุรีครั้งนี้ ก็ค้างคืนหนึ่งคืนครับ ก่อนจบบทความนี้ผมแถมรูปหอคอยบรรหารภาคกลางคืนมาให้ดูเล่น ๆ ครับ และติดตามต่อกับตอนสุดท้ายในเรื่อง "สุพรรณบุรีแห่งความหลัง" ครับ สวัสดีครับ 





ไม่มีความคิดเห็น: