วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ย้อนความทรงจำเมื่อตอนไปเที่ยวสุพรรณบุรี


สำหรับการไปเที่ยวสุพรรณบุรีของผมในตอนนั้น อยู่ในช่วงเรียนที่กรุง
เทพฯ ครับ พอสอบเสร็จ ปิดเทอม ผมก็เลือกที่จะไปเที่ยวสุพรรณบุรีครับ ซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ราวๆ 100 กว่ากิโลเมตรนั่นเอง ตั้งแต่เรียนมาปี 1 จนกระทั่งจบการศึกษา ผมได้ไปสุพรรณบุรีมีแล้ว 3 ครั้งด้วยกันครับ





เสน่ห์ของจังหวัดสุพรรณบุรีที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ เป็น "เมืองคนเหน่อ" ซึ่งผมก็ชอบมากเหมือนกัน และในใจก็อยากจะมีเพื่อนเป็นชาวสุพรรณบุรีด้วยครับ ถ้าผมไปต่างจังหวัดทั้งที ไม่ได้แค่ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเท่านั้นนะครับ แต่ผมก็อยากจะไปเห็นวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นเช่นกันครับ


สำหรับการไปเที่ยวสุพรรณบุรี 3 ครั้งในตอนนั้น ผมเจออะไรมาบ้าง ผมจะเล่าประสบการณ์แบบย่อๆ แล้วจะมาเขียนแบบเต็ม ๆ ภายหลังครับ


ในครั้งแรก ตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะได้ไปสุพรรณบุรีเป็นครั้งแรก ครั้งนั้นผมไปวันที่ 20 - 21 มีนาคม 2553 สถานที่ ๆ ไปคือ ตลาดสามชุก หอคอยบรรหาร พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร และวัดป่าเลยไลยก์ครับ ครั้งนั้นต้องไปพักค้างคืนที่โรงแรม 1 คืนครับ แต่รูปถ่ายครั้งแรกอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงไม่ได้เอามาให้ดู ก็เลยไม่มีรูปให้ดูครับ


ในตอนที่ผมไปสามชุกครั้งนั้นเป็นอะไรที่ประทับใจมากครับผู้คนก็เป็นมิตรและช่วยเหลือกันดีมากครับ และเจอเรื่อง FAIL ของผมด้วยนั่นเองครับ


ในตอนนั้น ผมก็พยายามจะฟังสำเนียงชาวสุพรรณในระหว่างเที่ยว และประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมได้ไปนอนโรงแรมตอนนั้น เจ้าหน้าที่โรงแรมก็ช่วยหาห้องพักให้ผม ซึ่งผมได้เลือกห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ และก็ได้ยินพนักงานโรงแรมพูดถึงห้องพักว่า "แอร์ไหม้"


หา!! แอร์ไหม้!?! ผมก็งงล่ะทีนี้ เลยไปถามอีกที ที่ไหนได้ เขากำลังจะบอกว่า "แอร์ใหม่" แต่ด้วยสำเนียงของเขาทำให้ผมได้ยินเป็น "แอ๋ไหม้" และตอนนั้นผมก็ขำและนึกในใจว่า นั่นไง โดนเข้าแล้ว หลังจากนั้น ก็นอนคืนหนึ่ง แล้วไปเที่ยวในส่วนที่เหลือและก็จบการเดินทางครับ





ครั้งที่สอง ก็อยู่ในช่วงปิดเทอมเช่นกัน ไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน วันที่ 25 - 27 กันยายน 2553 นอกจากจะไปสถานที่ต่าง ๆ เหมือนครั้งแรกแล้ว คราวนี้ไปอำเภออู่ทอง ไปเดินเล่นแถวตลาดและพักผ่อนในอู่ทอง 1 คืน วันแรกที่ไปนั้น ผมก็เริ่มจากตลาดสามชุกก่อน จากนั้นก็ไปที่ดอนเจดีย์ แล้วก็มาพักที่อู่ทองครับ ในตอนนั้นหารถไปได้ลำบากมาก แต่ในที่สุดก็มาถึงที่หมายได้สำเร็จ








พอวันที่สองต่อมา มีงานเทศกาลเที่ยวไทย 5 ภาคซึ่งจัดที่จังหวัดสุพรรณบุรีด้วย แต่ก่อนหน้านั้น ผมเข้าเมืองไปเที่ยววัดพระนอน เป็นนึ่งในวัดที่ติดกับแม่น้ำท่าจีนด้วย หลัก ๆ คือผมจะไปเที่ยววัดที่มี "วังมัจฉา" ไม่รู้อยู่ตรงไหน แต่ก็รู้จักตรงที่วัดนี้แหละครับ ตอนนั้นผมไม้ได้เอะใจอะไร เพียงแต่ว่าผมอยากจะมาไหว้พระ และมาให้อาหารปลา แต่ที่ผมประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นเป็นครั้งแรกก็ตรง "วัดพระนอน" นี่แหละครับ





ทีแรก ก็คิดว่าเป็นวัดพระนอนธรรมดานี่แหละ พอเข้าไปถึง อ้าว! ไหนล่ะพระนอน พอก้มลงอีกที อ้าว!! วัดพระนอน... นอนหงายนั่นเอง และจากนั้นผมก็ไหว้พระและไปให้อาหารปลา ก่อนที่จะเข้าร่วมงานเที่ยวทั่วไทย 5 ภาคในตอนนั้นครับ


และวันที่สาม ผมเข้าไปใน พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ซึ่งเป็นการท่องแดนมังกรและประวัติศาสตร์และความเชื่อของประเทศจีน ซึ่งข้างในนั้นอลังการมาก เป็นอันว่าเดี๋ยวผมจะมาเล่าอย่างละเอียดในตอนต่อไปครับ แล้วครั้งที่สองก็เสร็จสิ้นลง และกลับกรุงเทพฯครับ





การเที่ยวสุพรรณบุรีครั้งที่สาม (วันที่ 26-28 กุมภาพันธ์ 2554) ผมเลือกไปบึงฉวาก ซึงเป็นแหล่งรวมปลาน้ำจืดน้ำเค็ม ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์ต่าง ๆ การเดินทาง ผมนั่งรถมาถึงตลาดท่าช้าง เสร็จแล้วก็ต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างมาถึงบึงฉวาก และก็ได้ดูสัตว์ต่าง ๆ ที่เขาจัดแสดงให้ครับ เสร็จแล้ว ก็ลงไปตลาดสามชุก และลงไปพักแรมที่อำเภอเมือง แต่ขอบอกก่อนเลยว่า การไปเที่ยวครั้งที่สามของผมนี้หลากหลายอารมณ์มาก


ส่วนวันที่สอง ผมไปวัดไฝ่โรงวัว ตอนนั้นฟ้าสลัวเหมือนฝนจะตก แต่ก็อากาศเป็นใจ ซึ่งวัดนี้ได้จำลองสถานที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพานไว้ในที่เดียว และมีองค์พระองค์ใหญ่อย่างที่เห็นในภาพครับ และมีสถานที่จำลองนรกด้วยครับ


ในวันนั้นผมจะไปตลาดเก้าห้องวันนั้น แต่รถท้องถิ่นออกช้ามาก ผมจึงต้องไปขึ้นหอก่อน ก็เลยเลื่อนการเดินทางไปตลาดเก้าห้องในวันจันทร์ ซึ่งทำได้แค่ดูบ้านเรือนเฉย ๆ เท่านั้นครับ แต่อย่างไรก็ตาม การเที่ยวสุพรรณบุรีครั้งที่สามก็ยังคุ้มค้าเหมือนเดิม เป็นอันว่า แต่ละครั้งผมเจออะไรมาบ้าง และตอนหน้าจะมาเล่าประสบการณ์แต่ละครั้งอย่างละเอียดครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น