วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

จิตอาสาของชาวเชียง(ออน)ราย

ปี 2555 ปีนี้ทางพุทธศาสนาถือเป็นปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปีอีกด้วยครับ และนั่นทำให้ผมตั้งปณิธานไว้ว่าอยากจะทำงานอะไรซักอย่างที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดครับ

ในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ชาวเชียงรายที่อยู่บนโลกไซเบอร์ได้มีการวางแผนไปรวมตัวช่วยกันเก็บขยะที่ใต้สะพานขัวพญามังราย ซึ่งเป็นชาวเวปไซด์ "เชียงรายโฟกัส" ดอทคอม ได้มีการตั้งกระทู้รวมตัวกันไปเก็บขยะและทำความสะอาดใต้สะพานกันครับ

สำหรับชาวต่างจังหวัดที่ยังไม่รู้จักเวปไซด์นี้ผมจะแนะนำคร่าว ๆ ก่อนว่า เวปไซด์เชียงรายโฟกัส (www.chiangraifocus.comเป็นเวปไซด์สังคมออนไลน์ของชาวจังหวัดเชียงราย มีข่าวสารต่าง ๆ ภายในจังหวัดให้คนบนเวปได้มาเปิดอ่านดู และมีเวปบอร์ดให้ชาวเชียงรายและชาวต่างจังหวัดบางส่วนได้มาพูดคุยปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ กันครับ

และผมก็เป็น user ในเวปบอร์ดของที่นี่โดย หลังจากที่ผมได้ดูข่าวสารต่าง ๆ ภายในจังหวัด ก็มีคนในเวปบอร์ดได้มาโพสชักชวนไปช่วยกันเก็บขยะใต้สะพานขัวพญามังรายกัน และได้บอกว่าให้เอาอะไรเตรียมไปบ้าง หลังจากโพสนี้ ก็มีชาวเชียง(ออน)ราย ก็ได้ตกลงที่จะไปร่วมเก็บขยะและทำความสะอาดกันครับ และหลังจากที่ผมได้ดูบอร์ดนี้มาหลายวัน ผมตัดสินใจว่าไปร่วมด้วยแน่นอน จะได้พบปะกับเพื่อน ๆ ชาวเวปบอร์ดที่นั่นด้วยครับ (ขอบคุณ mod ต้อมและนายปวดตับที่ให้ผมได้อนุญาติใช้รูปในการเผยแพร่ครับ)




อาสาสมัครจากเวปบอร์ด ได้นัดกันไปเก็บกวาดและทำความสะอาดในวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน เริ่มเก็บบ่ายสามโมงครับ แต่ละครได้เตรียมอุปกรณ์ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้กวาด ไม้กวาดทางมะพร้าว ถุงดำ ถุงปุ๋ย ที่คีบถ่าน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการเก็บถังขยะครับ ซึ่งผมก็เอาถุงดำกับที่คีบถ่านไปด้วยครับ กลุ่มอาสาสมัครได้รวมตัวในโครงการชื่อว่า "โครงการ อะไรอยู่ใต้สะพาน" ครับ โครงการนี้ ผู้เริ่มคิดคื่อพี่หนุ่มฮอตเมลล์ ทำให้แอดมินบอร์ดสนับสนุน และสมาชิกทุกคนจึงอาสาเพื่อที่จะไปช่วยเหลือด้วยกันครับผม




ก่อนที่จะไปดูกิจกรรมอาสาสมัคร ผมขอพูดเรื่องของสะพานขัวพญามังรายก่อนนะครับ สำหรับสะพานแห่งนี้ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำกกที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาครับ ซึ่งเป็นสะพานของถนนกลางเวียง ไว้เพิ่มความสะดวกในการเดินทางครับ เส้นทางจะเริ่มจากสีแยกตำรวจ ข้ามแม่น้ำกกไปทางทิศเหนือไปบรรจบกับถนนพหลโยธินครับ หลังจากที่สะพานแห่งนี้ได้เปิดใช้มาแล้ว นอกจากจะให้รถข้ามแล้ว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนของกลุ่มวัยรุ่นด้วยครับ และต่อมา ก็มีปัญหาในด้านความสะอาด พอตกกลางคืน ก็มีพวกวัยรุ่นใช้เป็นแหล่งมั่วสุม ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และทิ้งขยะเรี่ยราด ตามบันไดใต้สะพาน และปาขวดเหล้าไปยังเสาและตอหม้อของสะพาน และมีการขีดเขียนคำหยาบต่าง ๆ บนเสาสะพานครับ 







ที่หนักไปกว่านั้น  ตรงบริเวณใต้บันไดทางขึ้น มีการปล่อยของเสียไว้ตรงนั้นด้วย (อี๋!...ขยะแขยง!!)  อีกอย่างหนึ่ง เศษแก้วต่าง ๆ ที่อยู่บริเวณเสาและตอหม้อสะพาน ผม ได้ข้อมูลมาว่า กลุ่มมั่วสุมมักจะเล่นแข่งปาขวดไกลกัน ก็เลยทำให้มีเศษแก้วเศษขวดเกลื่อนกลาดอยู่บริเวณนั้นนั่นเองครับ

ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตอาสาแห่งเวปบอร์ดเชียงรายโฟกัส ได้มีการนัดและไปรวมตัวขึ้นเพื่อทำความสะอาด เก็บกวาดขยะและเศษแก้ว ก่อนอื่นทุกคนได้มาลงทะเบียนและถ่ายรูปหมู่กันก่อนครับ  (รูปด้านบนสุดครับ)



จากนั้น ทุกคนก็ลุยทำความสะอาดกันเต็มที่ ช่วยกันออกแรงคนละไม้คนละมือ เก็บกวาดสิ่งของตามบันไดใต้สะพานกันอย่างเต็มที่ แต่ผมดันไปเก็บ ตรงบันไดทางเดินสะพานเสียก่อนเหมือนออกจากกลุ่มไปซะงั้น แต่ผมไม่ได้คิดอะไรมาก ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดครับ 









จากจุดที่ผมเก็บนั้น ก็ สกปรกมมากครับ แถมที่ผ่านมาฝนก็ตก ทำให้พื้่นที่แฉะด้วยครับ และผมก็ค่อย ๆ เก็บขยะแถวตามบันได และทางเดินข้างสะพาน และผมก็ได้ถ่ายรูป วิวสวย ๆ ของสะพานให้ดูด้วยครับ ช่วงนี้นามนองเต็มตลิ่งดูสมบูรณ์มากครับ



เหนื่อยแค่ไหนเราไม่หวั่น ผมก็เก็บขยะตรงทางเดินสะพานทั้งสองฝั่งครับ ชาวเชียงรายโฟกัสทุกคนก็ช่วยกันเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่สง และเห็นที่หนักที่ สุดคือ ผู้กล้าของเราบางส่วนได้มีการว่ายน้ำข้ามฝั่ง ไปเก็บกวาดเศษขยะตรงเสาของสะพาน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 เสาด้วยกันครับ พวกเขาลำบากทที่ ว่ายน้ำข้ามฝั่ง ทำให้มีคนเรือใจดี ให้ยืมเรือเพื่อนำช่วยข้ามไปทำความสะอาดตรงเสาใต้สะพานครับ






หลังจากที่เก็บกวาดเสร็จไปฝั่งหนึ่ง ก็ข้ามไปเก็บกวาดกันต่อกับอีกฝั่ง และได้มีการทาสีลบคำหยาบบนเสาด้วยครับ และบางส่วนก็ได้ตามไปเก็บ กวาดที่ทางเดินสะพานซ้ำอีกทีหลังจากที่ผมไปเก็บกวาดมาแล้วรอบหนึ่งครับ








และในที่สุด บริเวณใต้สะพานขัวพญามังรายก็กลับมาสวยสะอาดตาอีกครั้งหนึ่งครับ เป็นผลงานของอาสาสมัครที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งครับ ใสปิ๊ง กันเลยทีเดียว








ตัวผมเองก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นอาสาสมัครร่วมช่วยเหลือในการทำความสะอาดครั้งนี้ แต่อาจจะไปผิดที่ผิดทางหน่อยก็เลยรู้สึกว่าเหมือนปิดทองหลังพระ เลยนะครับ และอีกสิ่งที่ผมภูมิใจคือ การที่ช่วยเหลือบ้านเกิดเมืองนอนเนื่องในโอกาสที่เชียงรายครบรอบ 750 ปีครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจสูงสุดที่ได้ ช่วยเหลือบ้านเกิดของตัวเองครับ และเหตุการณ์นี้ได้ออกข่าวรายการ "ตู้ ปณ.ข่าว 3" ช่วงท้ายรายการอีกด้วยครับ




ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่กระทู้เชียงรายโฟกัส ที่นี่ครับ
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=295870.0

และต้องขอบคุณเชียงรายโฟกัส ที่ทำให้พวกเราได้พบปะกันอย่างสะดวก และเกิดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ครับผม และขอบคุณสมาชิกที่อนุญาติให้ผมใช้รูปภาพในการประกอบบทความครั้งนี้ด้วยครับ  จากเวปเชียงรายออนไลน์เวปนี้ ผมอยากเห็นเวปบอร์ดที่ชาวสุพรรณบุรีเข้าไปแลกเปลี่ยนข่าวสารเหมือนแบบนี้จังเลยครับ ผมพยายามหาหลายครั้งแล้วผมไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหน   




ชาวสุพรรณบุรีคนไหนรู้จักเวปบอร์ดออนไลน์ที่ชาวสุพรรณบุรีเข้าไปบ่อย ๆ ช่วยแนะนำผมมาด้วยนะครับ เพราะผมสนใจในจังหวัดสุพรรณบุรีมาก ๆ ครับ


วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ปลูกต้นไม้ในใจคน โดยท่าน ว.วชิรเมธี

วันแม่ปีนี้หลาย ๆ คนไปกราบแม่ และหน่วยงานต่าง ๆ ก็จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกันทั่วประเทศครับ บล็อกนี้ถูกเขียนอย่างเริ่งด่วนขณะที่กำลังมีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรฯ ครับ วันแม่ปีนี้ จังหวัดเชียงรายมีการแสดงธรรมเทศนาของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (หรือท่าน ว วชิรเมธี) เกี่ยวกับเรื่อง ปลูกต้นไม้ในใจคน ที่ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซ่าเชียงรายครับ




เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องการเทศธรรมของท่าน ว ขึ้นมาก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาครับ งานนี้จัดโดยสโมสร LIONS เป็นสโมสรอนุรักษ์และเพาะพันธุ์ป่าไม้ ได้จัดงานร่วมกับโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน โดยจะเอาต้นยางนามาให้ฟรีกับผู้ฟังธรรมของท่าน ว ด้วยครับ

หลังจากที่พระ ว.วชิรเมธีได้เข้ามายังเซ็นทรัล เพื่อมาเทศนาธรรมเรื่อง "ปลูกต้นไม้ในใจคน" เนื้อหาที่ท่านได้เทศนั้น สรุปอยู่สองเรื่องใหญ่ ๆ คือ

เรื่องที่ 1 เรื่องการเคารพสิ่งแวดล้อม ท่าน ว.ได้กล่าวไว้ว่า คนเราเกิดและเติบโตมากับน้ำ ดิน และป่าไม้ และสอนว่า เรากินอยู่กับน้ำ ให้เคารพน้ำ กินอยู่กับป่าให้เคารพป่า ถ้าเราเคารพสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมจะเคารพเรา เพราะทุกวันนี้ มีการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดโลกร้อน และน้ำท่วม ท่าน ว ได้พูดถึงจังหวัดน่านที่ถูกน้ำท่วม ท่านได้ไปพื้นที่เกิดเหตุ ปรากฎว่าภูเขาในจังหวัดน่านเป็นเขาหัวโล้น เพราะต้นไม้ถูกตัดไปเกือบหมด และผลจากการที่ตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดน้ำท่วมเมืองครับ สรุปหัวข้อนี้คือ เราควรจะรักษาหวงแหนและอนุรักษ์ธรรมชาติ ธรรมชาติจะได้อยู่กับเราและรุ่นหลัง ๆ ต่อไปครับ

เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับวันแม่ครับ ท่าน ว.ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าอยากจะทำอะไรให้แม่ ให้รีบทำก่อนที่แม่จะไม่ได้อยู่กับเรา โดยให้คติ 3 ท คือ "ททท ทำทันที" โดยท่าน ว.กล่าวว่า พระมารดาของพระพุทธเจ้านั้น ได้ยอมรับข้อตกลงว่า ถ้าให้ประสูติการบุตรแล้ว ให้ย้ายไปอยู่สวรรค์หลังจาก 7 วัน และเรื่องส่วนตัวของท่าน ว ท่านบอกว่า ตอนที่แม่ของท่านป่วยหนัก ท่านฝันร้านทุกคืน และตอนนั้น ท่านกำลังจะมีสอบ แม่ท่าน ว บอกกับพี่สาวว่า อย่าบอกเรื่องอาการเจ็บป่วยของแม่ให้ท่าน ว ฟัง เดี๋ยวท่าน ว จะกังวล และหลังจากนั้น แม่ของท่าน ว ก็ถึงแก่กรรม ท่าน ว พึ่งมารู้ตอนสอบเสร็จ และก็ได้ทรายถึงเจตนาที่แม่ไม่ให้บอกท่าน ว ครับ

ในส่วนนี้ท่านบอกว่า แม่เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อให้ลูกประสบความสำเร็จ จากนั้นท่านให้เรามองย้อนกลับไปว่า ตัวเราควรจะรีบเลี้ยงดูตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ก่อนที่พ่อแม่จะล่วงลับจากเราไปครับ ท่านก็ยกตัวอย่างว่า ครอบครัวหนึ่งจะซื้อรถให้พ่อ แต่ไม่มีเงินเลยไม่กล้าเพราะรถมันแพง แต่ต่อมาพ่อมาด่วนจากเสียชีวิตก่อน พวกเขาจึงรีบซื้อรถไปถวายให้พ่อที่วัด หลังจากเสร็จพิธีงานศพพ่อ ก็มาบูชาขอรถคืนโดยให้พี่สาวใช้....

เรื่องนี้ขอสรุปแว่....... สรุปว่า!!!! (เล่นมุขพระมหาสมปองนิดหนึ่ง)
ใครที่ยังมีพ่อแม่อยู่ควรจะแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ ในขณะที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าอยากจะทำอะไรให้พ่อแม่ ให้จำสามท. "ททท ทำทันที" ครับ



ผมขอจบบล็อกไว้ก่อน อย่าลืมติดตามรูปบนแฟนเพจของผมนะครับ และเรื่องนี้ผมยังไม่ปิดเรื่อง เดี๋ยวผมจะเอาไฮไลท์ของงานมาเขียนต่อครับ

สุขสันต์วันแม่ อย่าลืมบอกรักแม่นะครับ และขอให้พระราชินีทรงพระเจริญเป็นมิ่งขวัญต่อปวงชนชาวไทยตลอดไปครับ

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บรรยากาศการเดินขบวนแห่เทียนพรรษาในเมืองเชียงราย

สวัสดีครับ ที่ผ่านมานี้ผมไปหางานที่กรุงเทพเป็นเวลานานสองเดือน และ update เรื่องเล็ก ๆ ใน Facebook เท่านั้น ก็เลยไม่ได้เขียนบล็อกนี้ซักเท่าไหร่ วันนี้ผมจะเอาบรรกาศขบวนแห่เทียนพรรษาที่เชียงรายมาฝากกันครับ


ขบวนนแห่เทียนพรรษาที่เชียงราย เริ่มตั้งขบวนที่หน้าโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จากนั้นก็เลี้ยวเข้าถนนธนาลัย และตรงไปเรื่อย ๆ จนมาจบที่สวนตุงและโคมครับ ในรูปด้านบนนี้คือขบวนนำหน้าคครับ


และท่านนายกเทศมนตรีคุณวันชัย จงสุทธนามณี ท่านก็ได้มาเดินด้วยครับ ต่อจากนั้นก็จะมีขบวนแห่เทียนเล็กเพื่อถวายวัดต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงรายด้วยครับ และก็มีบุคลาการจากองค์กรต่าง ๆ มาร่วมเดินขบวนและมีผู้เข้าร่วมประกวดแห่เทียนพรรษาในครั้งนี้ด้วยครับ จากนี้ไปเรามาดูต้นเทียนพรรษากันเลยนะครับ



ขบวนแรกเป็นขบวนของเทศบาลนครเชียงราย เป็นขบวนนำครับ แต่ไม่เข้าประกวดนะครับ ขบวนเทียนต้นนี้เกิดจากชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวที่มาถนนคนเดินช่วยกันหล่อต้นเทียนนี้ก่อนที่จะเอาไปประดับเป็นต้นเทียนพรรษาต้นนี้ครับ





ขบวนต่อมา เป็นขบวนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ต้นเทียนประดับดูสวยงามครับ และมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (นอน) ด้วยครับ







ต่อไปเป็นขบวนของวัดเชตวัน หรือวัดพระนอน ซึ่งตกแต่งลักษณะของขบวนเทียนพรรษาได้มีสีสันสวยงามโดยเฉพาะพญานาคครับ





ขบวนนี้เป็นขบวนจากวัดดอยเขาควายแก้ว วัดที่เป็นเจ้าของตำนานแมงสี่หูห้าตา ต้นเทียนแกะสลักเป็นรูปพระนั่งสมาธิ ดูละเอียดและสวยงามอย่างยิ่งครับ





ขบวนต่อมาเป็นขบวนของโรงเรียนสามัคคีวิทยาคมครับ  ลักษณะของสีดูกลมกลืนดีครับ และมีเทพและธิดาคอยนั่งเฝ้าเทียนคู่กันด้วยล่ะครับ






ขบวนเทียนต่อมาเป็นของ วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธนเชียงราย หรือ (K-TECH)  ซึ่งวิทยาลัยนี้ได้ส่งเข้าประกวดทุกปี และปีนี้ได้ทำรถขบวนคล้ายเรือสุวรรณหงส์ครับ ต้นเทียนใหญ่ อ้วน และสวยงามแบบละเอียดบรรจงไม่แพ้ขบวนอื่นครับ





ต่อมาเป็นขบวนของวิทยาลัยเชียงราย สถาบันอุดมศึกษาคู่วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธนเชียงรายครับ ตัวขบวนรถ ใช้เทียนแปลอักษรและต้นเทียนดูแตกต่างแปลกตาดีครับ




ต่อจากนี้เป็นของวัดศรีบุญเรืองครับ มีสาวสวยนั่งอยู่ในขบวนรถ ต้นเทียนแกะสลักออกมาได้สวยงามจริง ๆ ครับ





และขบวนสุดท้ายเป็นของร้านกำไลทองเป็นตัวแทนเดียวที่มาจากร้านขายของ ลักษณะเทียนดูสดใสสวยงาม มีสัตว์ต่าง ๆ ร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ





และหลังจากนี้ ขบวนทั้งหมดก็ไปจอดที่สวนตุงและโคมเพื่อรอฟังคำตัดสินว่าขบวนอะไรจะชนะ สำหรับรูปขบวนต่าง ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่แฟนเพจ Facebook ของผมได้ครับ

ถึงช่วงเข้าพรรษาแล้ว ปีนี้เป็นปีพุทธชยันตี เรามาทำความดีเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นบุญกุศลติดตัวและคุ้มครองชีวิตให้ร่มเย็นเป็นสุขนะครับ

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

รู้มั้ย... อบจ.เชียงรายมีอะไรน่าสนใจบ้าง

รู้มั้ย... อบจ.เชียงรายมีอะไรน่าสนใจบ้าง


วันนี้เราไปชมอะไรบางอย่างบริเวณองค์การส่วนบริหารจังเชียงรายกันดีกว่าครับ เกริ่นแค่นี้แล้วผมเริ่มที่ "หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี" 




ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ทราบข่าวพิธีเปิด หอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี ซึ่งเป็นพิพิธภันฑ์ที่เล่าประวัติของเมืองเชียงรายได้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น หอนี้ เปิดขึ้นในโอกาสที่เมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปีนั่นเองครับ รูปที่ถ่ายนี้เป็นด้านหน้าของหอครับ


สถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่ถนนอุตรกิจ ด้านหลังศาลากลางเก่า ตรงข้ามกับโรงเรียนอนุบาลเชียงราย ซึ่งใกล้กับ หอนาฬิกาเก่าและตลาดเทศบาล 1 ครับ 


หอที่นี่เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ต้องถอดรองเท้าเข้าไป และห้ามถ่ายภาพครับ ภายในสถานที่จะเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ล้านนา ซึ่งยุคของเชียงรายนั้น เชียงรายถือเป็นยุคปฐมล้านนาครับ ภายในหอนี้มีอยู่ทั้งหมด 8 โซน แต่ละโซนนั้นจะเล่าเรื่องการก่อสร้างเมืองเชียงราย ซึ่งสถาปณาโดยท่านพญามังรายมหาราช และเข้าสู่ยุคต่าง ๆ จนถึงถูกพม่ายึดไป 200 ปี แล้วถูกกู้กลับรวมเข้าเป็นจังหวัดในประเทศไทยครับ ซึ่งจะมีสื่อประสมต่าง ๆ เล่าเรื่องให้ทันสมัยขึ้นครับ


ถ้าชมมาถึงโซนที่สาม ก็จะเป็นโซนเทียเตอร์ ถ้าหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมถึง 10 คนขึ้นไป ทางเจ้าหน้าที่จะเปิดแสดงภาพประวัติของการสร้างเมืองเชียงรายนั่นเองครับ เมื่อจบโซนสาม ก็จะมีการจัดแสดงรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครับ และมีรูปปั้นพญามังรายฯแบบสีสันสดใส สวยและงดงามอย่างมากครับ 


หลังจากที่ชื่นชมประวัติศาสตร์ของเชียงรายแล้ว ก็จะมีรายละเอียดของอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงรายทั้งหมด 18 อำเภอ และวัดต่าง ๆ ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงรายครับ เมื่อจบโซนที่เจ็ดแล้ว โซนแปดเป็นห้องสมุด ซึ่งอยู่ชั้นบนครับ




หอประวัตินี้ ใช้เวลาชมประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าได้ชมเทียเตอร์ก็จะเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งที่นั้นผมไม่ได้ดูครับ เพราะจำนวนคนไม่ถึง และถ้าใครมาที่จังหวัดเชียงราย ก็มาลองเข้าชมหอประวัติที่เล่าเรื่องของประวัติเมืองเชียงรายได้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นครับ เพราะที่นี่ห้ามถ่ายรูป ข้างในเป็นอย่างไร แวะไปดูเองนะครับ 


แอบขอเจ้าหน้าที่ถ่ายรูปตัวเองหน้าหอประวัติฯ เพื่อจารึกลงบล็อกตัวเอง (หัวเราะ) สังเกตด้านหลังของผมนะครับ ด้านขวาของผมคือ โรงเรียนอนุบาลเชียงราย และวัดที่อยู่ด้านหลังคือ "วัดกลางเวียง" หนึ่งในเส้นทาง 9 วัดเมืองเชียงรายครับ เป็นวัดที่มีศาลหลักเมืองอยู่ในวัดครับ ถ้าพูดถึงเสาสะดือเมืองจะเป็นวัดดอยงำเมืองครับ




ถ่ายรูปตัวเองเสร็จ ผมจึงเดินไปด้านหลัง ซึ่งเป็นศาลากลางเก่า ด้านหน้านี้มีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 อยู่ครับ ตอนนี้ศาลากลางเก่า ได้ปรับปรุงเป็น "หอวัฒนธรรมนิทัศน์" ซึ่งเป็นห้องจัดนิทรรศกาลไว้อยู่ แต่ตอนนี้ปิดปรับปรุงอยู่ครับ




ด้านขวาของศาลากลางเก่า มีห้องสมุดรถไฟเชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟเชียงราย เพราะจังหวัดเชียงรายยังไม่มีรถไฟใช้ครับ ในตอนนี้จังหวัดเชียงรายเรามีห้องสมุดรถไฟดังกล่าวครับ ภายในโบกี้รถไฟนั้น เป็นห้องสมุดครับ ห้องสมุดรถไฟเปิดให้บริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ เวลา 9 นาฬิกา ถึง 18 นาฬิกา ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเป็นเวลา 10 นาฬิกาถึง 19 นาฬิกาครับ


ถ้าหากเชียงรายมีรถไฟใช้ ก็จะแยกเส้นทางจากอุตรดิตถ์ ผ่านเด่นชัย (จังหวัดแพร่) ผ่านงาว (จังหวัดลำปาง) ผ่านจังหวัดพะเยาและเข้ามาที่จังหวัดเชียงรายครับ


ก่อนจบบทความนี้ผมมีแหล่งที่มาของการเปิดหอประวัติเชียงราย และโครงการรถไฟเชียงรายมาให้ดูกันด้วยครับ


หอประวัติเชียงราย 750 ปี
 -อบจ.เชียงราย เปิดหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปีและเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ (เชียงรายโฟกัส)
อบจ.เปิดหอประวัติเมืองเชียงราย 750 ปี (นสพ เชียงรายธุรกิจ)


โครงการรถไฟเชียงราย
+++กระทู้ติดตามรถไฟเชียงราย ครับ.+++ (เวบบอร์ดเชียงรายโฟกัส)
คืบหน้ารถไฟสายเด่นชัย-พะเยา-เชียงราย (พะเยารัฐ)


เรื่องราวของเชียงรายและสุพรรณบุรีนั้น ผมยังคงค้นหามาเรี่อย ๆ อย่าลืมติดตามบล็อกของผมในบทความต่อไปนะครับ

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนพิเศษ: ศรัทธาโครงการใหญ่)

สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนพิเศษ: ศรัทธาโครงการใหญ่)

นี่คือเที่ยวสุพรรณบุรีแห่งความหลังตอนพิเศษครับ หลังจากที่ผมไปเยี่ยมมังกรป่วยแล้ว ผมไปวัดป่าเลไลยก์เพื่อไปไหว้หลวงพ่อโตเสร็จ ก็มีงานหนึ่งครับ เป็นงานหล่อมือเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกครับ




ผมทราบว่า ในงานนี้จะมีพิธีหล่อมือเจ้าแม่กวนอิมในตอนเย็น โดยท่าน พณฯ บรรหารจะมาเป็นประธานในพิธีครับ




สำหรับงานดังกล่าวนั้น เป็นโครงการสร้างรูปเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 84 เมตร ซึ่งจะประดิษฐสถานที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งจัดโดยมูลนิธี Miracle of Life ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และสมาคมวัฒนธรรมวิธีพุทธไทย-จีน โครงการนี้ เริ่มประชาสัมพันธ์ที่จังหวัดพระนครศรีอยุทธยาเป็นจังหวัดแรก และมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ณ วันที่ผมมาเที่ยวพอดีครับ (คือวันที่ 21 มีนาคมครับ) สำหรับการประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ ก็มีคลิปประชาสัมพันธ์ของจังหวัดพระนครศรีอยุทธยา ช่องเคเบิ้ล ATV ครับ (คลิปโดย pnnnews ครับ)






เสร็จเรื่องของเจ้าแม่กวนอิมแล้ว และมีอีกเรื่องของจังหวัดสุพรรณบุรีครับ ที่วัดป่าเลไลยก์ มีประชาสัมพันธ์โครงการแกะสลักหลวงพ่ออู่ทองที่ภูผา ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกันครับ
ภาพโดย  WORLD BIGGEST BUDDHA IMAGE (WBBI)
พระใหญ่แกะสลักนี้ จะแกะสลักที่หุบผามังกรบิน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีครับ ซึ่งมีองค์จำลองที่วัดป่าเลยไลยก์ด้วยครับ




สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมขของโครงการเพระเจ้าอู่ทองนั้น สามารถดูได้บน Facebook ที่เพจ:
WORLD BIGGEST BUDDHA IMAGE (WBBI) ครับ


และหลังจากที่ผมเที่ยวในสองจุดนี้เสร็จ การท่องเที่ยวสุพรรณบุรีแห่งความหลังก็จบลง และผมก็กลับกรุงเทพฯ แล้วกลับเชียงรายก่อนสิ้นเดือนมีนาคมครับ สำหรับการเที่ยวสุพรรณในสามครั้งที่ผ่านมานั้น เดี๋ยวผมจะเรียบเรียงแล้วนำมาเขียนขึ้นมาทีหลังครับ


ปิดท้ายบทความนี้ ด้วยคลิปท่าน ว เรื่องความหมายของพระปางป่าเลไลยก์  แล้วอย่าลืมติดตามบทความการท่องเที่ยวของผมระหว่างเชียงรายและสุพรรณบุรีได้ที่บล็อกนี้ครับ สวัสดีครับ




วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555

สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนที่ 3: เยี่ยมมังกรป่วย)

สุพรรณบุรี....แห่งความหลัง (ตอนที่ 3: เยี่ยมมังกรป่วย)

เข้าสู่ตอนสุดท้ายสำหรับ "สุพรรณบุรี แห่งความหลัง" แล้วครับ หลังจากพักแรมได้หนึ่งคืนก็ตื่นมาดูทิวทัศน์ของเมืองสุพรรณบุรี หลังจากที่ผมทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวผมก็จะเดินทางไปมังกรเพื่อดูอาการบาดเจ็บจากเหตุพลุระเบิดในเดือนมกราคมที่ผ่านมาครับ


ก่อนที่จะไปมังกร ผมเดินทางไปแวะไว้อนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราชก่อนครับ ใครที่ยังไม่รู้จักที่แห่งนี้คงสงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่ไก่ชนเต็มไปหมดน่ะครับ  ก็เพราะว่า ครั้งยังที่องสมเด็จพระนเรศวรฯท่านยังทรงพระเยาว์นั้นท่านชอบเล่นไก่ชนครับ ดังนั้นชาวสุพรรณบุรีมักจะเอาไก่ชนทั้งตัวเล็กตัวใหญ่มาถวายให้ท่านดังที่เห็นครับ และผมก็เคยเอามาถวายให้ท่านตอนมาครั้งที่สองครับ




และผมก็เดินไปชมวัดไชนาวาส และก็ไปดูตลาดเช้าที่ถนนหมื่นประจญ ซึ่งมีของกินขายสดๆใหม่ๆที่นั่นครับ และตลาดนี้ก็ใกล้วัด ทำให้ผมได้พบกับพระที่มาบิณฑบาตภายในตลาดเช้าด้วยครับ


โอ้โห!! ปลากราย SIZE ใหญ่มาก!!!


ครับ และผมก็เข้าไปดูพระเครื่องที่ขายเช่าในวัด ผมก็ได้ขออนุญาติถ่ายภาพเพื่อเอามาเขียนลงบล็อกนี้ครับ และถามว่า ตลาดพระเครื่องใหญ่นั้นขายที่ไหน ซึ่งคุณลุงก็ตอบว่า "วัดสุวรรณภูมิ" ครับ




แล้วคุณลุงก็บอกว่า แหล่งขายเช่าพระเครื่องที่วัดดังกล่าวนั้นจะเปิดตลาดนัดทุกวันอาทิตย์ครับ และผมก็ขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อให้เก็บภาพมาให้ผมสามารถเล่าอธิบายได้ครับ สำหรับเรื่องนี้ ผมคิดที่จะตามหาสิ่งที่เป็นคำควัญท่อนหนี่งว่า "เลื่องลือพระเครื่อง" ทำให้ผมเข้าใจว่า สุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งจำหน่ายพระเครื่องแหล่งใหญ่แห่งนี้ครับ ถ้าหากชาวสุพรรณบุรีอ่านอยู่ ช่วยอธิบายเกี่ยวกับการขายพระเครื่องในจังหวัดให้ด้วยนะครับ


จากนี้ไป ผมนั่งรถสองแถวไปยังมังกรครับ






ถ้าใครยังจำความได้ ตอนนั้น งานตรุษจีนในเดือนมกราคมที่่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ได้เกิดอุบัติเหตุพลุระเบิดด้านหลังของมังกร ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัยด้านหลังมังกรครับ เมื่อผมมาถึง ผมก็ยังเห็นป้ายงานตรุษจีนอยู่ครับ


ตอนนั้นผมอยู่ที่เชียงราย กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสเรื่องการฉลองเมืองเชียงรายครบรอบ 750 ปี และทราบข่าวทีหลังตอนแม่เปิดข่าวภาคดึกและมีรายงานด่วนเรื่องนี้มา ทำให้ผมตกใจและอึ้งทันที และสลดไปพักหนึ่ง พอวันที่ 25 คลิป ข่าว ภาพ ขึ้นบนทีวีและอินเตอร์เน็ต ขนาดผมยังอยู่เชียงรายยังสลดใจและใจหายครับ


หลังจากความรู้สึกแรกผ่านไป ผมก็รู้สึกว่า "มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย" เพราะผมกำลังจะเตรียมใจเข้าร่วมฉลองครบรอบ 750 ปีเมืองเชียงราย แต่ดันมาเจอเรื่องแย่ ๆ ใกล้ ๆ กันแบบนี้ ผมก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่สุพรรณบุรีเจออุบัติเหตุแบบนี้




ทำให้การเที่ยวครั้งนี้ ผมจึงไปสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และขอเรียกเที่ยวนี้ว่า "เยี่ยมมังกรป่วย" ครับ ดูไกล ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าทุกอย่างเคลียร์หมดเรียบร้อยแล้ว พอมองที่ไปตัวมังกร ก็เห็นรอยแตกตรงช่องท้องได้ชัดดังรูปด้านบนครับ




เมื่อไปยังบริเวณทางเข้าพิพิธภันฑ์ ก็จะเห็นเมฆมังกรมีรอยแตก และเดินไปอีกก็จะเห็นนั่งร้านตั้งไว้ เพื่อซ่อมแซมเมฆมังกรที่แตกด้วยครับ




ต่อมา ผมขึ้นไปที่ศาลา 7 ชั้น เพื่อสังเกตรอบ ๆ ข้าง ก็รู้สึกว่าทุกอย่างเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ก็มีเพียงหลังคาวัดพระธาตุที่อยู่ด้านหลังมังกรนั้นแตกกระจาย แสดงความเสียหายที่ยังหลงเหลือครับ


ผมได้ไปสอบถามผู้คนที่อยู่แถว ๆ นี้ครับ ผมจึงถามกลับไปยังเหตุการณ์พลุระเบิดครับ พวกเขาได้ตอบว่า ตอนเกิดเหตุการณ์นั้น ไม่ทันได้นึกว่าเป็นอุบัติเหตุ คิดว่าเป็นจุดพลุใหญ่เฉยๆ แต่ก็รู้สึกว่าระเบิดตอนน้ั้นเสียงดังมาก กว่าจะมารู้อีกทีก็มีเสียงรถพยาบาลเข้ามาครับ และหลังจากที่เกิดขึ้นทำให้งานตรุษจีนนี้หยุดไป 1 วัน และจัดจนหมดวันงานครับ ถึงแม้ตอนนี้ตัวมังกรจะบาดเจ็บ แต่พิพิธภันฑ์ยังเปิดให้เข้าชมตามปกติได้ครับ


ครับ ผมอาจเขียนช้าไปหน่อย แต่ก็อยากจะเล่าความรู้สึกย้อนหลังผ่านทางนี้ ผมก็กราบขออภัยด้วยครับ ทั้งหมดนี้ผมก็ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งครับ ตอนนี้ผมถืว่ามังกรยังป่วยอยู่ครับ ใครได้มาเที่ยวที่นี้แล้วสามารถบริจาคค่าซ่อมแซมได้ครับ ภายในศาลหลักเมืองนั้นมีการรับบริจาคทำบุญค่าเกล็ด เล็บ เขี้ยวมังกร และอื่น ๆ ครับ


ก่อนที่ผมออกจากที่นี่ ผมได้บอกไปยังมังกรว่า ขอให้หายดีนะ และครั้งหน้าจะมาเยี่ยมใหม่ ขอให้น้องมังกรหายไวไวนะ อีกไม่นานก็หายดีครับ แต่ถึงยังไงผมก็ขอเป็นกำลังใจครับ


แต่สำหรับสุพรรณบุรีแห่งความหลังของผมตอนนี้ ผมคาดว่ามีสามตอน แต่ยังมีอีกหนึ่งตอน ไว้ติดตามกันอีกทีคราวหน้านะครับ